ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สังคายนา
สังคายนาครั้งที่ 1 หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 3 เดือน
มูลเหตุ : เมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานได้ 7 วัน
พระมหากัสสปเถระอยู่ที่เมืองปาวา ยังไม่ทราบว่าพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพาน
จึงพาพระสงฆ์จำนวน 500 รูป
เดินทางออกจากเมืองปาวาด้วยประสงค์จะไปเฝ้าพระพุทธองค์ที่เมืองกุสินารา
ในระหว่างเดินทางนั้นเอง
ก็ได้ทราบข่าวการเสด็จปรินิพพานของพระพุทธองค์จากอาชีวก (นักบวชนิกายหนึ่ง) คนหนึ่ง
ซึ่งเดินทางมาจากเมืองกุสินารา พระสงฆ์ทั้งมวลซึ่งมีพระมหากัสสปเถระเป็นหัวหน้า
เมื่อได้ทราบข่าวนั้นแล้ว ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ต่างก็มีความสลดใจ
ผู้ที่เป็นปุถุชนอยู่ก็เศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้คร่ำครวญ รำพึงรำพันกันไปต่างๆนานา
แต่พระภิกษุสุภัททะมิได้เป็นเช่นนั้น และได้ห้ามพระภิกษุเหล่านั้นมิให้เสียใจ
มิให้ร้องไห้ โดยกล่าวชี้นำว่า ที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จปรินิพพานนั้นเป็นการดีแล้ว
ต่อนี้ไปจะทำอะไรได้ตามใจ ไม่มีใครคอยมาชี้ว่าผิดนี่ ถูกนี่ ควรนี่ ไม่ควรนี่
ต่อไปอีก
พระมหากัสสปเถระได้ฟังคำกล่าวจ้วงจาบเช่นนั้นแล้ว เกิดความสลดใจ
ภายหลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระเสร็จสิ้นแล้ว ได้มีการประชุมสงฆ์
พระมหากัสสปเถระซึ่งเป็นผู้มีอายุพรรษามากกว่าพระสงฆ์ทุกรูป
ได้รับเลือกให้เป็นประธานสงฆ์ มีฐานะเป็นสังฆปริณายก (ผู้นำคณะสงฆ์)
บริหารการคณะสงฆ์ตามพระธรรมวินัย
ท่านจึงได้นำเรื่องที่ภิกษุสุภัททะกล่าวจ้วงจาบพระธรรมวินัยนั้นเสนอต่อที่ประชุมสงฆ์
ชวนให้ทำการสังคายนาพระธรรมวินัย และได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม ต่อจากนั้นมา 3
เดือนก็ได้มีการประชุมทำสังคายนาครั้งที่ 1
สถานที่ : ถ้ำสัตบรรณคูหา ข้างเขาเวภารบรรพต ใกล้กรุงราชคฤห์ ชมพูทวีป
องค์อุปถัมภ์ : พระเจ้าอชาตศัตรู
การจัดการ :
พระมหากัสสปเถระได้รับเลือกเป็นประธาน และเป็นผู้ซักถามพระธรรมวินัย
พระอุบาลีเถระเป็นผู้ตอบข้อซักถามทางพระวินัย
พระอานนท์เถระเป็นผู้ตอบข้อซักถามทางพระธรรม
มีพระอรหันต์เข้าประชุมเป็นสังคีติการกสงฆ์ (สงฆ์ผู้เป็นคณะกรรมการทำสังคายนา)
จำนวน 500 รูป
ระยะเวลา : 7 เดือน จึงสำเร็จ
สังคายนาครั้งที่ 2 พ.ศ. 100
มูลเหตุ : พระยสกากัณฑกบุตรได้ปรารภถึงข้อปฏิบัติย่อหย่อน 10 ประการ
ของพวกภิกษุวัชชีบุตร เช่นถือว่าเก็บเกลือไว้ในเขนง (เขาสัตว์) เพื่อเอาไว้ฉันได้
ตะวันชายเกินเที่ยงไปแล้ว 2 นิ้วฉันอาหารได้ รับเงินทองไว้ใช้ได้ เป็นต้น
พระยสะกากัณฑกบุตรเห็นว่า
ข้อปฏิบัติย่อหย่อนดังกล่าวนี้ขัดกับพระวินัยพุทธบัญญัติ
จึงได้ชักชวนพระเถระผู้ใหญ่ประชุมพิจารณาวินิจฉัย
ทำการสังคายนาพระธรรมวินัยเพื่อความมั่นคงพระพุทธศาสนาสืบไป
สถานที่ : วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ชมพูทวีป
องค์อุปถัมภ์ :
พระเจ้ากาลาโศกราช
การจัดการ : พระมหาเถระชื่อยสกากัณฑกบุตรเป็นประธาน
พระเรวตเถระเป็นผู้ซักถามพระธรรมวินัย พระสัพพกามีเถระเป็นผู้ตอบข้อซักถาม
มีพระอรหันต์เข้าประชุมเป็นสังคีติการกสงฆ์จำนวน 700 รูป
ระยะเวลา : 8 เดือน จึงสำเร็จ
สังคายนาครั้งที่ 3 พ.ศ. 235
มูลเหตุ :
พวกเดียรถีย์หรือพวกนักบวชในศาสนาอื่นมาปลอมบวชในพระพุทธศาสนา
ด้วยเห็นแก่ลาภสักการะ และเพื่อบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา
ได้แสดงลัทธิและความเห็นของตนว่า "เป็นพระพุทธศาสนา เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า"
พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระได้ขอความอุปถัมภ์จากพระเจ้าอโศกมหาราชให้มีการสอบสวน สะสาง
กำจัดพวกเดียรถีย์ปลอมบวชประมาณ 60,000 รูป
แล้วให้สละสมณเพศออกจากพระพุทธศาสนาได้สำเร็จ
สถานที่ : อโศการาม กรุงปาตลีบุตร ชมพูทวีป
องค์อุปถัมภ์ :
พระเจ้าอโศกมหาราช
การจัดการ : พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเป็นประธาน
พระอรหันต์เข้าประชุมเป็นสังคีติการกสงฆ์จำนวน 1,000 รูป
ระยะเวลา : 9 เดือน
จึงสำเร็จ
สังคายนาครั้งที่ 4 พ.ศ. 238
หลังจากพระมหินทเถระและคณะออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในลังกาทวีปประมาณ 3
ปี
มูลเหตุ :
พระมหินทเถระประสงค์จะให้พระพุทธศาสนาได้หยั่งรากมั่นคงในลังกาทวีป
เป็นการวางรากฐานให้พระสงฆ์ชาวลังกาท่องจำพระพุทธวจนะตามระบบการศึกษาพระปริยัติธรรมในเวลานั้น
สถานที่ : ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ในลังกาทวีป
องค์อุปถัมภ์ :
พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ กษัตริย์แห่งลังกาทวีป
การจัดการ :
พระมหินทเถระเป็นประธาน พระอริฏฐเถระเป็นผู้สวดทบทวนหรือตอบข้อซักถามด้านพระวินัย
มีพระเถระรูปอื่นๆสวดทบทวนพระธรรม มีพระอรหันต์เข้าประชุมเป็นจำนวน 38 รูป
พระเถระผู้จดจำพระไตรปิฎกอีกจำนวน 962 รูป
ระยะเวลา : 10 เดือน จึงสำเร็จ
สังคายนาครั้งที่ 5 พ.ศ. 433
มูลเหตุ : ทางการคณะสงฆ์ชาวลังกาและทางราชการบ้านเมืองเห็นว่า
พระธรรมวินัยหรือพระพุทธวจนะที่ได้สังคายนาไว้นั้น มีความสำคัญมาก
นับเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา
หากจะพิทักษ์รักษาธรรมวินัยให้ดำรงอยู่สืบไปด้วยวิธีการท่องจำดังที่เคยถือปฏิบัติกันมา
ก็อาจมีข้อวิปริตผิดพลาดได้ง่าย เพราะความจำของผู้บวชเรียนเสื่อมถอยลง
ในการสังคายนาครั้งนี้ จึงได้ตกลงจารึกพระธรรมวินัยหรือพระพุทธวจนะ
เป็นภาษามคธอักษรบาลีลงในใบลาน พร้อมทั้งคำอธิบายพระไตรปิฎกที่เรียกว่า อรรถกถา
ซึ่งเดิมเป็นภาษามคธอักษรบาลี
นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการจารึกพระธรรมวินัยเป็นภาษามคธอักษรบาลีเป็นหลักฐาน
ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร พระไตรปิฎกลายลักษณ์อักษร
จึงมีขึ้นเป็นฉบับแรกในพระพุทธศาสนา นับเป็นการสังคายนาครั้งที่ 2 ในลังกาทวีป
สถานที่ : อาโลกเลณสถาน ณ มตเลชนบท ในลังกาทวีป
องค์อุปถัมภ์ :
พระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย
การจัดการ :
พระรักขิตมหาเถระเป็นประธานและเป็นผู้ซักถามพระธรรมวินัย
พระติสสเถระเป็นผู้ตอบข้อซักถาม มีพระสงฆ์ผู้เป็นองค์พระอรหันต์
และพระสงฆ์ปุถุชนเข้าประชุมเป็นสังคีติการกสงฆ์ จำนวนกว่า 1,000 รูป
ระยะเวลา : 1 ปี จึงสำเร็จ
ปฐมสมโพธิกถา
สหชาต
เชิญพราหมณ์
108
มหาบุรุษลักษณะ
32
ชมพูทวีปและประชุมชน
ประวัติการสร้างกรุงกบิลพัสดุ์และศากยวงศ์
ลำดับพระวงศ์
ประวัติพระมหากัสสปะ
และพระภัททกาปิลานีเถรี
ความมั่นคงในธุดงค์ของพระมหากัสสปะ
สาวกมีชื่อกัสสปะหลายองค์
ประวัติพระมหากัจจายนะ
พราหมณณ์พาวรี
และศิษย์ 16 คน
ประวัติราธพราหมณ์
ประวัติพระปุณณมันตานีบุตรเถระ
เสด็จกรุงกบิลพัสดุ์
นันทกุมารออกบวช
ราหุล
สามเณรรูปแรกในพระพุทธศาสนา
พระเจ้าสุทโธทนะขอพรเกี่ยวด้วยการบวชกุลบุตร
ทรงโอวาทแก่พระราหุล
มูลเหตุพระอนุรุทธะออกบวช
พระอานนท์ทูลขอพร
8 ประการ
ประวัติพระโสณโกฬิวิสะ
มูลเหตุการออกบวชของพระรัฐบาล
พระรัฐบาลแสดงธรรมุทเทศ
4
ปฐมสาวิกา
ครุธรรม
8 ประการ
เหตุที่ไม่ยอมให้สตรีบวช
การอุปสมบทภิกษุณีในครั้งแรก
สามเณรี-สิกขมานา
เมตไตรยพยากรณ์ปริวรรต
พระอชิตราชกุมารออกบวช
พระนางปชาบดีถวายผ้าสาฎก
ทรงแสดงทักษิณาวิภังคสูตร
(ต้นกำเนิดสังฆทาน)
พระอชิตะรับผ้าสาฎก
พระอชิตะเหยียดมือรับบาตรกลางอากาศ
พระอชิตะถวายผ้าเป็นพุทธบูชา
พุทธปิตุนิพพานปริวรรต
พระพุทธบิดานิพพาน
ยมกปาฏิหาริยปริวรรต
เทศนาปริวรรต
เทโวโรหนปริวรรต
อจลเจดีย์
อัครสาวกนิพพาน
ทรงปรารภธรรม
ทรงทำนิมิตโอภาส
ปลงอายุสังขาร
บิณฑบาตครั้งสุดท้าย
รับผ้าสิงคิวรรณ
ผลแห่งบิณฑบาตทาน
ทรงปรารภสักการบูชา
สังเวชนียสถาน
4 ตำบล
ปัจฉิมโอวาท
ถวายพระเพลิงไม่ติด
เตโชธาตุโพลงขึ้นเอง
ลำดับการจำพรรษาของพระพุทธเจ้าทั้ง
45 พรรษา
สังคายนา
อันตรธานม
5 ประการ