ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>

น้ำดำ

(น้ำอัดลม)

องค์การอนามัยโลกแนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่เกิน 10 กิโลกรัมต่อคนต่อปี แต่ปัจจุบันคนไทยบริโภคน้ำตาลประมาณ 29-30 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือที่ควรกินแค่วันละ 6 ช้อนชา แต่คนไทยกลับกินน้ำตาลไปถึงวันละ 20 ช้อนชา ทั้งนี้ น้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง จะมีน้ำตาลอย่างน้อย 30 กรัม หรือประมาณ 8-9 ช้อนชา ซึ่งเกินกว่าปริมาณที่แนะนำอยู่แล้ว ยังไม่รวมน้ำตาลที่ได้รับจากอาหารอื่น อย่างไรก็ตาม น้ำอัดลมสีดำจะมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าน้ำอัดลมสี หรือน้ำอัดลมใส ซึ่งจะมีปริมาณน้ำตาลสูงถึง 9-15 ช้อนชาต่อกระป๋อง

คนที่ดื่มน้ำอัดลมมาก มักมีพฤติกรรมการกินอาหารประเภทแป้งและไขมันมากกว่าคนไม่ดื่มน้ำอัดลม และน้ำอัดลมยังส่งผลให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุวิตามินบางตัวน้อยลง เช่น ไรโบฟลาวิน วิตามิน เอ แม็กนีเซียม อาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหาร ขณะที่ยังทำให้ผู้ดื่มเป็นประจำมีโอกาสฟันผุสูงมาก เพราะน้ำตาลเปลี่ยนเป็นกรดจุลินทรีย์กัดฟัน มีกรดฟอสฟอริกในน้ำตาลลดความหนาแน่นของมวลกระดูกและฟัน และกาเฟอีนที่สะสมยังขับแคลเซียมจากร่างกาย ทำให้กระดูกบางและผุได้

สถานการณ์การบริโภคน้ำตาลมากเกินความต้องการถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ที่ผ่านมาพยายามรณรงค์ให้โรงเรียนปลอดน้ำอัดลมและขนมหวาน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่ควรจำหน่ายน้ำอัดลมในสถานศึกษาทุกแห่ง รวมทั้งขึ้นภาษีน้ำอัดลมที่มีรสหวานจัด น้ำตาลสูง รวมทั้งออกมารณรงค์ให้ความรู้กับผู้บริโภคจริงจัง พร้อมทั้งแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย