ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม >>
รำศุภลักษณ์อุ้มสม
นาฏศิลป์ไทย
คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. 2550
ศิลปะ
เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นโดยอาศัยธรรมชาติและสติปัญญาเป็นส่วนเสริม
สร้างอย่างประณีตบรรจง
โดยเฉพาะนาฎศิลป์เป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่มาจากการเลียนแบบท่าทางของมนุษย์และ
สัตว์ตามธรรมชาติ อันเป็นมรดกทางศิลปะวัฒนธรรมที่บ่งบอกถึงความเจริญทางสติปัญญา
จิตใจ และชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ที่สืบทอดต่อกันมาแต่โบราณกาล
นาฎศิลป์นอกจากเป็นศิลปะของการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยลีลาท่าทางที่งดงาม
โดยการใช้ภาษาท่าทางในการสื่อความหมายแล้ว ยังประกอบด้วยศิลปะประเภทต่างๆ ได้แก่
ดุริยางคศิลป์ ( บทร้องและดนตรีประกอบการแสดง ) วรรณกรรม ( บทละคร ) จิตรกรรม (
ฉากและอุปกรณ์การแสดง ) ประติมากรรม ( โขนและศิราภรณ์ )
ที่มีความสอดประสานกลมกลืนกัน
อันทำให้การแสดงนาฏศิลป์มีความประณีตงดงามและสมบูรณ์แบบ
นาฎศิลป์จึงเป็นศิลปะที่ให้ความรู้สึกหลากหลายแก่ผู้ดู เป็นอาหารตา อาหารใจ
อาหารสมอง และสร้างความบันเทิงใจให้มวลมนุษย์
การแสดงนาฏศิลป์ไทยแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ รำ ระบำ และละคร ซึ่งการแสดงแต่ละลักษณะมีเอกลักษณ์เฉพาะทั้งในเชิงความหมายและรูปแบบการแสดง กล่าวคือ
"รำ" หมายถึง กริยาการเคลื่อนไหวอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายในลักษณะที่อ่อนช้อยงดงามตามแบบแผนของนาฎศิลป์ไทย คำว่ารำจึงถูกนำมาใช้ประดุจเป็นการเรียกลีลาท่าทางนาฎศิลป์ไทย โดยทั่วไป เช่น รำละคร เป็นต้น อย่างไรก็ตามคำว่า รำนี้ถ้ามองในด้านรูปแบบของการแสดงสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ รำเดี่ยวและรำคู่ ส่วนใหญ่เป็นการแสดงในลักษณะการอวดฝีมือของผู้แสดง
ส่วนคำว่า "ระบำ" หมายถึงการแสดงที่ใช้ผู้แสดงตั้งแต่สองคนขึ้นไป จัดแสดงเป็นชุดๆ ไม่มีเรื่องราว การแสดงจึงมุ่งเน้นด้านความสวยงาม ความบันเทิง และความพร้อมเพียงของผู้แสดงเป็นสำคัญ ระบำสามารถแบ่งออกได้เป็น ระบำมาตรฐาน ระบำเบ็ดเตล็ด และการแสดงพื้นเมือง ซึ่งแต่ละประเภทก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของการแสดงที่แตกต่างกันออกไปเช่นกัน
สำหรับคำว่า "ละคร" หมายถึงการแสดงที่เล่นเป็นเรื่องราว มีการดำเนินเรื่องเป็นบทหรือเป็นตอน โดยแต่ละตอนจะมีเนื้อหาที่ทำให้ผู้ดูสามารถเข้าใจเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ตามบทได้ การแสดงละครของไทยสามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 3 ประเภทคือ ละครรำ ละครร้อง และละครพูด โดยที่การแสดงละครรำเกิดขึ้นเป็นประเภทแรก และกล่าวได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของการแสดงนาฎศิลป์ไทย เพราะมีการใช้ภาษาท่าด้ายการร่ายรำในการสื่อความหมายสู่ ผู้ดู โดยเฉพาะการแสดงละครในซึ่งเกิดขึ้นในราชสำนักและเป็นการแสดงที่จัดถวายหน้า พระที่นั่ง จึงเป็นศิลปะการแสดงที่งดงามประณีตบรรจง ทั้งในเชิงลีลากระบวนรำของผู้แสดง เพลงร้อง ดนตรีซึ่งมีความนุ่มนวลกลมกลืนกับท่ารำที่อ่อนช้อย
นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงที่บ่งบอกถึงจารีตประเพณีและวัฒนธรรมของไทยมาแต่ โบราณ อย่างไรก็ตามการแสดงรำ ระบำ ละคร ไม่ได้แยกกันต่างหากเสียทีเดียว แต่จะพบว่าการแสดงรำคู่ รำเดี่ยว และระบำประเภทต่างๆ ได้ถูกนำมาใช้สอดแทรกอยู่ในการแสดงละครแทบทุกเรื่อง ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปลี่ยนอรรถรสในการดูละครให้เกิดความเพลิดเพลินตาและ เบิกบานใจมากขึ้น หรืออีกประการหนึ่งเพื่อให้เวลาในการเปลี่ยนฉากการแสดงละครฉากต่อไป ในบรรดาการรำประกอบการแสดงละครชุดที่มีลีลาสวยงามวิจิตรบรรจงและเป็นการรำใน ชุดอวดฝีมือของผู้แสดงอย่างยิ่งชุดหนึ่ง คือการรำคู่ชุดศุภลักษณ์อุ้มสมในบทละครในเรื่องอุณรุท เนื่องจากเป็นการแสดงที่ผู้แสดงตัวพระและตัวนางจะต้องรำต่อตัวเหมือนคนๆ เดียวรำ ซึ่งผู้แสดงจะต้องมีฝีมือ ลีลาท่ารำที่เข้ากันได้ดี จึงเป็นชุดการแสดงที่น่าอัศจรรย์ชุดหนึ่งที่ ปรากฎในการแสดงนาฎศิลป์และการละครไทย ซึ่งการนำเสนอสาระความรู้เรื่องนาฏศิลป์ไทยฉบับนี้ได้รวบรวมประวัติ เนื้อเรื่องย่อของบทละครเรื่องอุณรุท เทคนิคลีลากระบวนรำ รวมทั้งคุณค่าของการแสดงชุดนี้ไว้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้ในการเรียนการสอนและผู้ที่สนใจค้นคว้า
รูปแบบของการแสดงละครใน
รำศุภลักษณ์อุ้มสม
เทคนิคและกระบวนการรำ