ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม  >>

หนังตะลุง

ความเป็นมา
องค์ประกอบในการแสดง
โรงและอุปกรณ์ประกอบโรง
รูปหนัง
ขนบนิยมในการเล่น
ครอบมือหนังตะลุง
กลอนและลีลากลอน
ความเชื่อเกี่ยวกับหนังตะลุง
รูปหนังตะลุง
การแกะหนังตะลุง
เครื่องมือการแกะหนัง
นายหนัง
ตัวตลกหนังตะลุง
การเปลี่ยนแปลงเทคนิคการนำเสนอ
การเปลี่ยนแปลงเทคนิคการนำเสนอภาพ
การคงอยู่เคียงคู่ของรูปหนังโบราณและรูปหนังสมัยใหม่
โครงเรื่องและแกนเรื่องของหนังตะลุง

การเปลี่ยนแปลงเทคนิคการนำเสนอ

การเปลี่ยนแปลงเทคนิคเสียงและภาษาพูด
เป็นการแสดงที่อาศัยภาษาร้อยกรองเป็นส่วนใหญ่ จากการที่ผู้เขียนฟังเทปบันทึกเสียงการแสดงหนังตะลุงนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา พบว่าลักษณะเด่นของการแสดงหนังในอดีตคือ การขับบทกลอน ผสมผสานกับการสนทนาของตัวตลก การสื่อสารระหว่างตัวละครส่วนใหญ่สื่อด้วยภาษาร้อยกรอง และน้อยนักที่จะพบการสนทนาด้วยภาษาพูด แล้ถ้ามีก็อาจจะเพียง 2 – 3 นาที แทรกอยู่ระหว่างการขับบท การขับบทอาศัยจังหวะที่เรียบง่ายของโหม่งและฉิ่งนายหนังร่วมสมัย ที่จำแนกโดยผู้ชมในท้องถิ่นว่าเป็น " นายหนังโบราณ " เช่น หนังฉิ้น ธรรมโฆษ จังหวัดสงขลา จะกำหนดสัดส่วนค่อนข้างแน่นอนระหว่างการขับบทกับการสนทนา ฉากที่แสดงอาจจะเริ่มต้นด้วยการขับบทของตัวเอกราว 2 - 3 นาที ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะเป็นการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้า และการกระทำของตัวละครปัจจุบัน จากนั้นนายหนังก็ออกตัวละครอื่นและเริ่มสนทนา การสนทนาอาจจะกินเวลาประมาณ 20 นาที หรือมากกว่าการสนทนาของตัวละครหลักบ่อยครั้งจะค่อนข้างยืดยาวคล้ายกับการกล่าวสุนทรพจน์ที่เรียบง่าย และนุ่มนวลส่วนการสนทนาของตัวตลกจะกระชับและรวดเร็วหลังการสนทนาก็กลับเข้าสู่การขับบทเพื่อสรุปเรื่องราวอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มฉากใหม่ ระหว่างการขับบทเพื่อปิดฉากก่อนที่จะเริ่มฉากใหม่ บางครั้งจะถูกแทรกด้วยการบรรเลงดนตรี เพื่อให้นายหนังดื่มน้ำหรือมีเวลาพักชั่วคราว ในอดีตดนตรีจะบรรเลงตามท่วงทำนองดั้งเดิม ที่นิยมใช้ในกา แสดงหนังใหญ่ของราชสำนักการแสดงของหนังฉิ้นแต่ละฉากจะมีวัฎจักรคล้ายกันคือ เริ่มด้วยการบรรเลงดนตรี การขับบทการสนทนา และการขับบทสรุปฉากที่แสดงผ่านมาในระหว่างฉากที่แสดงนั้น หลังการขับบทแรกสิ้นสุดลงบ่อยครั้งนายหนังจะปล่อยให้ฉากเงียบไป แต่บางครั้งก็บรรเลงดนตรี 2 - 3 นาที ก่อนที่ขับบทถัดไปดังนั้นการแสดงจึงดำเนินไปเรียบๆ วนวัฎจักรเดิมและบ่อยครั้งทำให้ผู้ชมง่วงและหลับ

การแสดงของหนังฉิ้นแต่ละฉากจะมีวัฎจักรคล้ายกันคือ เริ่มด้วยการบรรเลงดนตรี การขับบทการสนทนา และการขับบทสรุปฉากที่แสดงผ่านมาในระหว่างฉากที่แสดงนั้น หลังการขับบทแรกสิ้นสุดลงบ่อยครั้งนายหนังจะปล่อยให้ฉากเงียบไป แต่บางครั้งก็บรรเลงดนตรี 2 - 3 นาที ก่อนที่ขับบทถัดไปดังนั้นการแสดงจึงดำเนินไปเรียบๆ วนวัฎจักรเดิมและบ่อยครั้งทำให้ผู้ชมง่วงและหลับ นายหนังร่วมสมัยที่มีชื่อและได้รับการจำแนกจากผู้ชมในท้องถิ่นว่าเป็นนายหนังสมัย คณะหนังยอดนิยมจำนวนมากใช้ดนตรีสมัยใหม่ประเภทต่างๆ ประกอบการแสดง อาทิ การใช้คีย์บอร์ด และแซกโซโฟนแทนปี่ และผู้เขียนเคยได้ยินการใช้ออร์แกนไฟฟ้าแทนเสียงผีในฉากโนราลงครู และการใช้เสียงประกอบดังกล่าวพบในหนังตะลุงเช่นกัน

 

บทสนทนาของนายหนังสมัยใหม่ต่างจากนายหนังรุ่นเก่า นายหนังรุ่นเก่าจะปล่อยให้ตัวละครพูดค่อนข้างยืดยาวทีละคน แต่ตัวละครของนายหนังรุ่นใหม่ดูคล้ายจะพูดพร้อมกันและพูดเร็วคล้ายบทพูดในภาพยนตร์ และการสนทนาของคนจริงๆ ทั้งนายหนังรุ่นเก่าและสมัยใหม่ต่างเดินทางไปแสดงตามจังหวัดต่างๆ ของภาคใต้ แต่นายหนังรุ่นใหม่มิได้ใช้ความแตกต่างของสำเนียงภาษาแต่ละจังหวัดมุขหลักของความขบขันอย่างที่หนังดั้งเดิมนิยม อาทิ หนังรุ่นเก่าจะให้ตัวตลกพูดสำเนียงและศัพท์นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสิ่งที่คนสงขลาไม่คุ้นเคยและไม่เข้าใจ นายหนังสมัยนิยมผนวกศัพท์แสงยุคไฮเทคเข้าเป็นภาษาหนังตะลุง เช่น การล้อเลียนสำนวนภาษาการจราจรและการใช้ภาษาเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ เพื่อให้เกิดความหมายใหม่ใน "สายเลือดคู่บัลลังก์" และมีแนวโน้มที่จะใช้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ หรือไม่ก็เล่นเกมความแตกต่างและความเข้าใจผิดทางภาษาของตัวตลกที่พูดภาษาใต้และภาษาอีสาน อาทิ

ทอง : ถวายบังคมหม่อมแม่สะอาดมณี ด้วยความเคารพอย่างสูงพระเจ้า…
พระนางสะอาดมณี : อ้อ หวัดดีนะทอง
ทอง : พระเจ้าค่ะ นี่หมายความหม่อมแม่จะจากพวกเกล้ากระหม่อมไปอยู่ป่าอยู่ดงสองเดือน…
พระนางสะอาดมณี : ใช่แล้วหละ
ทอง : เออะ หม่อมแม่จะไปประทับที่ไหน ไม่ทราบพระเจ้าค่ะ
พระนางสะอาดมณี : ก็ยังไม่รู้
ทอง : สิไปสองเดือนนี่…
พระนางสะอาดมณี : เป็นความจริงจากคำกราบทูลของโหราศาสตร์
ทอง : ท่านโหราศาสตร์น่าหม่อมแม่นะ
เดี๊ยก : โอยบักทองเอ้ย ถ้าพูดถึงลูกลางสาด
กันหละโว้ย จำปาดะกะโลละยี่สิบแล้ว ลูกลางสาดอย่างน้อยกะโลหกสิบ

นายหนังรุ่นใหม่ค่อนข้างจะใช้เสียงและออกเสียงภาษากลาง ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้โดยตัวละครชั้นสูงได้อย่างถูกต้องและชัดเจนกว่านายหนังรุ่นเก่า ทั้งนี้เป็นเพราะนายหนังรุ่นปัจจุบันค่อนข้างจะมีการศึกษาดี ดังเห็นได้จากการแสดงของหนังณรงค์ซึ่งมีการใช้ทั้งราชาศัพท์และภาษาบาลี หนังนครินทร์ ชาทอง จากหาดใหญ่ก็เช่นกัน คือ มักผนวกภาษาต่างประเทศเข้าเป็นภาษาหนังตะลุง

การขยายเวลาของบทสนทนาเป็นลักษณะเด่นของหนังปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเจริญรอยตามละครแนวสัจจะนิยมในโทรทัศน์ วิทยุ และภาพยนตร์สมัยใหม่

ความเปลี่ยนแปลงเทคนิคภาษาพูดที่ชัดเจนก็คือการผนวกเพลงลูกทุ่งหรือเพลงประเภทอื่นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงหนังตะลุง เนื้อเพลงที่ผนวกเข้ามานั้น อาจจะเป็นบางท่อนหรือเนื้อทั้งหมดของเพลง นายหนังที่มีความเชี่ยวชาญบางคนจะให้ตัวตลกหลายคนร้องเพลงสลับกัน โดยแต่ละคนยังรักษาเอกลักษณ์เสียงของตน อาทิ ในการแสดงเรื่อง "ต่างรสนิยม" เมื่อปี 2536 นั้น หนังนครินทร์ให้ตัวตลก 4 คน ร้องเพลง 5 คน เพลงด้วยทำนองดนตรีที่ต่างกันโดยที่ตัวตลกยังคงรักษาเอกลักษณ์เสียงของตน ความเชี่ยวชาญดังกล่าวเพิ่มความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างยิ่งยวด เพราะเพลงดังกล่าวไม่เพียงแต่ร้องได้ดี และตลกขบขัน หากแต่ยังเป็นเพลงร้องด้วยภาษาและสำเนียงท้องถิ่น

ความซับซ้อนของเทคนิคด้านเสียงและภาษาพูดของนายหนังสมัยใหม่ ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของไวยากรณ์สื่ออิเลคทรอนิค หากแต่รวมถึงการสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของปัจจัยต่างๆ ที่กระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนภาคใต้ปัจจุบัน

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย