ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>
ฟรานซิส เบคอน
เรอเน เดสการ์ตส์
บารุค สปิโนซา
กอทฟริด วิลเฮล์ม ไลบ์นิส
ยอร์ช เบร์คเลย์
เดวิด ฮิวส์
โธมัส ฮอบส์
จอห์น ล็อก
อิมมานูเอิล คานท์
ย็อช วิลเฮลม ฟริดริช เฮเกล
ฟริดริค นิตเช่
ฌอง ปอล ซาร์ตร์
เซอเรน เคียร์เคอกอร์
กอทฟริด วิลเฮล์ม ไลบ์นิส
กอทท์ฟรีด วิลเฮล์ม ฟอน ไลบ์นิซ (Gottfried Wilhelm von Leibniz) (1 กรกฎาคม
ค.ศ. 1646 (พ.ศ. 2189) ในเมืองไลป์ซิก ประเทศเยอรมนี - 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1716 (พ.ศ.
2259) เป็นนักปรัชญา, นักวิทยาศาสตร์, นักคณิตศาสตร์, นักการทูต, บรรณารักษ์ และ
นักกฎหมาย ชาวเยอรมันเชื้อสายเซิฟ เขาเป็นคนที่เริ่มใช้คำว่า "ฟังก์ชัน"
สำหรับอธิบายปริมาณที่เกี่ยวกับเส้นโค้ง เช่น ความชันของเส้นโค้ง
หรือจุดบางจุดของเส้นโค้งดังกล่าว
ไลบ์นิซและนิวตันได้รับการยกย่องร่วมกันว่าเป็นผู้เริ่มพัฒนาแคลคูลัส
โดยเฉพาะส่วนของไลบ์นิซในการพัฒนาปริพันธ์และกฎผลคูณ ไลบ์นิซถึงแก่กรรมในปี 1716
ที่ฮาโนเวอร์
ผลงานที่สำคัญ
- Discours de metaphysique
- Systeme nouveau de la nature
- Principes de la nature et de la grace
- Monadologie
พื้นฐานทางความคิด
พยายามประนีประนอมความความเห็นที่ชัดแย้งกัน ในศาสนาและวิทยาศาสตร์
ปรับปรุงความคิดสำคัญในสมัยใหม่ เขาเป็นนักปรัชญาในกลุ่มเหตุผลนิยม
เช่นเดียวกับเดส์การ์สต์และสปิโนซา
- ไลบ์นิซไม่พอใจกับวิธีการเรื่องสาร เขาเห็นว่าคำอธิบายของนักปรัชญาทั้งสองทำให้เราเข้าใจเรื่อง ธรรมชาติของมนุษย์ เสรีภาพ และธรรมชาติของพระเจ้าผิดไปจากความเป็นจริง
- ไลบ์นิซ ความคิดเกี่ยวกับสารยังไม่เพียงพอ เพราะความคิดนี้ไม่สามารถจะแยกความแตกต่างระหว่างพระเจ้า มนุษย์ และธรรมชาติได้อย่างชัด ไลบ์นิซต้องการจะแยกเรื่องนี้ให้ชัด
- ไลบ์นิซเห็นว่า เป็นวิธีการที่ใช้ไม่ได้ผล จึงคิดหาวิธีใหม่ โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ความคิดออกเป็นหน่วยย่อยที่สุด เรียกว่า โมนาด (monad) แล้วเอาหน่วยย่อยเหล่านี้มาสัมพันธ์กันเป็นระบบ จนประกอบขึ้นเป็นจักรวาลที่กลมกลืน
อภิปรัชญา
ความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติที่เป็นพลวัต (Dynamic)
ไลบ์นิซ
คิดว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นจากการรวมกันของหน่วยพื้นฐานบางอย่าง
หน่วยพื้นฐานเหล่านี้เป็นสารเชิงเดี่ยว และไลบ์นิซเรียกมันว่า โมนาด
สิ่งทั้งหลายจึงเกิดขึ้นจากโมนาดหลายๆ โมนาดมาประกอบกันเข้านั้นเอง
สำหรับไลบ์นิซ เห็นว่า สารเชิงเดี่ยวที่แท้จริงก็คือโมนาด และดมนาดคือ
อะตอมที่แท้ของธรรมชาติเป็นองค์ประกอบของสิ่งต่างๆ
โมนาดเป็นสิ่งที่มีพลังหรือแรงซึ่งเป็นสารัตถะสำคัญของสารที่ประกอบกันขึ้นเป็นสิ่งของต่างๆ
ความคิดเกี่ยวกับพลัง ไลบ์นิซเห็นว่าสิ่งที่คงที่คือ พลังงานจล
การเคลื่อนไหวไม่ใช่การเปลี่ยนตำแหน่งเท่านั้น
ที่สำคัญคือการเคลื่อนไหวเป็นพลผลิตของพลัง
ความคิดเกี่ยวกับพลังเช่นนี้คือพื้นฐานทางฟิสิกส์และอภิปรัชญาของไลบ์นิซ
ความคิดของไลบ์นิซที่ว่าธรรมชาติมีลักษณะเป็นพลวัต ตั้งอยู่บนพื้นฐานของพลังงาน
กล่าวสั้นๆ ว่าเป็นความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติที่เป็นแบบกายภาพ
มากกว่าเป็นแบบเรขาคณิต ไลบ์นิซได้ก้าวมาถึงความคิดใหม่เกี่ยวกับสารที่มีพลัง
อันเป็นตัวผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวในธรรมชาติ
โมนาด (Monad)
อภิปรัชญาของไลบ์นิซเป็นแบบจิตนิยม
ความจริงสูงสุดมีสภาพเป็นจิต ไลบ์นิซเรียกว่า โมนาด โลกประกอบด้วยโมนาดจำนวนอนันต์
โมนาดประกอบกันเข้าเป็นสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏในโลก
โมนาดเป็นสารขั้นพื้นฐานหรือสารขั้นต้น เป็นสารที่ไม่มีส่วนประกอบอื่นใด
คือเป็นสารเชิงเดี่ยว เป็นสิ่งที่แบ่งแยกไม่ได้ ไม่กินที่ ไม่มีขนาด
ไม่ดับสลายหรือสูญหาย โมนาดเกิดขึ้นสิ้นสุดลงทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
คือโมนาดเกิดขึ้นจากการสร้างและสิ้นสุดลงด้วยการทำลาย
โมนาดมีคุณสมบัติมีความแตกต่างกันมีระดับ
คือมีโมนาดขั้นต่ำสุดจนถึงโมนาดขั้นสูงสุดคือพระเจ้า เรียกว่า
โมนาดแห่งโมนาดหรือโมนาดสูงสุด
โมนาดคือ พลัง
ทุกโมนาดแสดงออกหรือสะท้อนภาพของจักวาลออกมาจากตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ
อภิปรัชญาของไลบ์นิซเป็นแบบพหุนิยม เชื่อว่าสิ่งทั้งหลายนั้นมีอยู่จริงๆ
แม้ว่าไม่มีตัวผู้รับรู้มัน โมนาดแต่ละหน่วยมีการรับรู้ในระดับที่ต่างกัน
การรับรู้ระดับต่ำคือ ระดับสัญชาตญาณ คือรู้โดยปราศจากความสำนึก
ไปจนถึงระดับสูงคือระดับวิสัญชาตญาณ คือสำนึก
การรับรู้ของโมนาดไม่ใช่การรับรู้สิ่งภายนอก เป็นการรับรู้ตัวเอง
ความกลมกลืนที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า
โมนาดทุกหน่วยมีความเป็นเอกเทศ มีวิวัฒนาการหรือเปลี่ยนแปลงภายในตัวเอง
ปัญหาก็คือ โมนาดจะสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อไลบ์นิซอธิบาย
ไลบ์นิซอธิบายว่า
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกันเหมือนกับว่าได้รับอิทธิพลต่อกันนั้น
มันเกิดขึ้นได้เพราะมันถูกกำหนดไว้แต่เดิม
เป็นความกลมกลืนที่พระเจ้ากำหนดไว้แล้วล่วงหน้า
ทุกสิ่งเกิดขึ้นมาจากความลึกของโมนาดแต่ละโมนาด มันจะก่อรูปขึ้นเป็นโลก
ผู้ที่กำหนดระเบียบของโมนาดได้ก็คือพระเจ้า ซึ่งเป็นผู้วางแผนสร้างโมนาด
แม้แต่ละโมนาดจะโดดเดี่ยว แต่มันก็ถูกจัดให้เป็นเอกภาพ
ปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับร่างกายนั้น
ไลบ์นิซอธิบายว่าพระเจ้าสร้างโมนาดที่เป็นจิตหรือวิญญาณและสร้างโมนาดที่เป็นร่างกาย
พระองค์ได้กำหนดไว้แล้วให้ทั้งสองสิ่งนี้โดยไม่มีความสัมพันธ์ภายในต่อกันเลย
จิตกับร่างกายไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อกันแต่อย่างใด
ความคิดเกี่ยวกับบทบาทของพระเจ้า
คำตอบจากไลบ์นิซ
พระเจ้าทำให้การพัฒนาของโมนาดที่รู้จักคิดของเราเกิดขึ้นพร้อมกับสิ่งต่างๆ
พระองค์กำหนดให้เกิดความตรงกันระหว่างความคิดของเรากับความจริงของสิ่งต่างๆ คือ
พระเจ้ากำหนดให้ความคิดของเราตรงกับความเป็นจริง จึงกล่าวได้ว่า เรารู้สิ่งต่างๆ
โดยผ่านพระเจ้า พระเจ้าคือผู้ที่ทำให้ความมีอยู่ของโมนาดเป็นสิ่งเป็นไปได้
เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ว่าเป็นพลังในตัวเองและด้วยตัวเอง
ไลบ์นิซจึงจำเป็นต้องพิสูจน์ว่าพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
ญาณวิทยา
โมนาดทุกโมนาดมีความสามารถในการรับรู้
การรับรู้ของโมนาดเป็นเรื่องภายในโมนาดเอง
ความคิดติดตัวเป็นความคิดที่มีความสำนึกในตัวเอง ซึ่งไลบ์นิซเรียกว่า วิสัญชาตญาณ
เป็นระดับที่คิดอย่างมีเหตุผล
การคิดอย่างมีเหตุผลทำให้มนุษย์ความจริงที่เป็นสากลและเป็นความจริงโดยจำเป็น
ไลบ์นิซแบ่งความจริงออกเป็น 2 ประเภท คือ
- ความจริงจากเหตุผล เป็นความจริงที่แน่นอนตายตัว จะต้องเป็นเช่นนั้นเสมอ
จึงเรียกอีกอย่างว่า ความจริงนิรันดร์ หรือความจริงจำเป็น เช่น 2+2 =4
ความจริงจากเหตุผลเป็นความจริงที่เราได้จากภายในของเราเอง
ไม่มีใครสามารถหยิบยื่นให้แก่เรา
- ความจริงจากประสบการณ์หรือข้อเท็จจริง อยู่ในขอบเขตของประสบการณ์ เป็นความจริงที่ไม่ชัดเจน ไม่แน่นอนตายตัว คือยืนยันให้แน่ชัดว่าเป็นเช่นนั้นเช่นนี้แน่นอนไม่ได้ จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความจริงไม่แน่นอน ความจริงสองประเภทนี้มีอยู่เฉพาะในมนุษย์เท่านั้น