วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>

สุภาษิตพระร่วง

       สุภาษิตพระร่วง ถือได้ว่าเป็นวรรณคดีคำสอนที่เก่าแก่ที่สุดของไทย ที่ปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสันนิษฐานว่า กษัตริย์ในสมัยกรุงสุโขทัย ทรงพระราชนิพนธ์ มีนักวรรณคดีหลายท่านกล่าวว่า คำว่า “ พระร่วง ” เป็นสมญานามเรียกแทนชื่อกษัตริย์ทุกพระองค์ของสุโขทัยเท่านั้น และนักวรรณคดีเหล่านี้ก็ยังเชื่ออีกว่า กษัตริย์ที่แต่งสุภาษิตพระร่วงน่าจะเป็น พ่อขุนรามคำแหงมหาราชและพระมหาธรรมราชาลิไทย เพราะทั้งสองพระองค์เป็นนักปราชญ์ที่มีจริยะวัตรเหมือนกัน คือ ทรงสั่งสอนประชาชน ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเคยทรงสอนธรรมะราษฎรบนพระแท่นมนังคศิลา ส่วนพระมหาธรรมราชาลิไทยก็ทรงสอนประชาชนด้วยหนังสือไตรภูมิพระร่วง ซึ่งถ้าตรวจสอบจากลักษณะภาษาที่ใช้แต่งนั้น น่าจะเป็นภาษาในสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมากกว่าเพราะภาที่ใช้นั้นเป็นคำง่ายๆสำหรับปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ไม่ใช้ศัพท์สูง ไม่กล่าวถึงอภินิหารต่างๆเหมือนอย่างเช่นไตรภูมิพระร่วง อีกทั้งสำนวนภาษายังคล้ายกับศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช นักวรรณคดีหลายท่านรวมไปถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงเชื่อว่าสุภาษิตพระร่วงนั้นเป็นของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช

สุภาษิตพระร่วง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บัญญัติพระร่วง ในคำนำการพิมพ์สุภาษิตพระร่วงเป็นหนังสือที่ระลึกวันสถาปนากรมศิลปากร เมื่อ พ.ศ. 2505 นายธนิต อยู่โพธิ์ ได้กล่าวไว้ว่า “ สุภาษิตพระร่วงเป้นพระบรมราโชวาทของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่ทรงสั่งสอนประชาชนชาวไทย ภายหลังมีผู้แก้ไขแต่งเติมภายหลังเพื่อให้เข้าแบบกวีนิพนธ์ จึงกลายเป็นบัญญัติพระร่วงหรือสุภาษิตพระร่วง ”

จุดมุ่งหมายในการแต่ง เพื่อใช้สั่งสอนประชาชน

ลักษณะคำประพันธ์ ลักษณะคำประพันธ์เป็นร่ายสุภาพ ร่ายเป็นร้อยกรองที่เก่าแก่ของไทย กวีนิยมแต่งคู่กับโคลง ร่ายมีมีการบังคับฉันทลักษณ์น้อยเมื่อเทียบกับร้อยกรองประเภทอื่นๆ แต่มีถ่วงทำนองที่ไพเราะ ร่ายที่มีการจบด้วยโคลงสอง

เรียกว่า ร่ายสุภาพ ลักษณะของร่ายสุภาพมีรูปแบบดังนี้


ลักษณะของร่ายสุภาพ

1. ร่ายสุภาพเป็นบทประพันธ์ที่ไม่กำหนดความยาว จะแต่งให้ยาวเท่าใดก็ได้แต่จะจบด้วยโคลงสองสุภาพ
2. ในแต่ละวรรคจะใช้คำ 5 คำเป็นส่วนใหญ่ บางวรรคอาจจะมีมากกว่า 5 คำ แต่จะนิยมให้มี 5 คำ

ข้อสังเกต

1. ถ้าคำสุดท้ายของวรรคหน้าส่งสัมผัสเป็นรูปเอกหรือโท คำที่รับสัมผัสในวรรคต่อไปจะเป็นรูปเอกหรือโท
2. ถ้าคำสุดท้ายของวรรคหน้าส่งสัมผัสเป็นคำเป็นหรือคำตาย คำที่รับสัมผัสในวรรคต่อไปจะเป็นคำเป็นหรือคำตายด้วยเช่นกัน

ตัวอย่าง

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย