สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้  >>

โรคติดต่ออุบัติใหม่

โรคแอนแทรกซ์

โรคแอนแทรกซ์เป็นโรคเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacillus anthracis) โดยอาจเป็นแผลที่ผิวหนังและไม่บ่อยนักที่เป็นโรคที่ระบบทางเดินหายใจ หรือทางเดินอาหาร สาเหตุการเกิดโรคในคน ส่วนใหญ่จะติดโรคจากกระบือ โค แพะ และแกะ และเคยมีรายงานการเกิดโรคในแกะที่จังหวัดลพบุรี ในปี พ.ศ. 2526 และติดโรคจากแพะที่จังหวัดตาก และพิจิตร ในปี 2543 นอกจากนี้ อาจพบการติดโรคได้จากการก่อการร้ายโดยใช้สปอร์ของเชื้อนี้เป็นอาวุธชีวภาพ ด้วยการปล่อยสปอร์แอนแทรกซ์ในพื้นที่หรือส่งทางจดหมาย หรือโดยวิธีอื่น ๆ

สถานการณ์ในประเทศไทย

จากรายงานการเฝ้าระวังของสำนักระบาดวิทยา พบว่า ไม่มีผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544-2551 เป็นเวลา 8 ปีติดต่อกัน โดยก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 – 2543 อัตราการเกิดโรค อยู่ระหว่าง 0.02-0.17 ต่อแสนประชากร มีผู้ป่วยสูงสุด 102 คน ในปี 2538 และต่ำสุด 7 คน ในปี 2537

การเกิดโรคส่วนมากจะพบตามจังหวัดชายแดนที่ติดต่อกับสหภาพพม่า ลาว และกัมพูชา แต่บางครั้งก็เกิดการระบาดขึ้นได้ในใจกลางของประเทศได้ เช่น ที่จังหวัดพิจิตรในปี พ.ศ. 2543 และ กรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ. 2540 จังหวัดที่มีการรายงานพบโรคนี้เป็นประจำ ตั้งแต่ปี 2535 – 2543 ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน ตาก พิษณุโลก พิจิตร สุรินทร์ อุดรธานี และเกิดประปรายในจังหวัด เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ สุโขทัย อุทัยธานี บุรีรัมย์ นครพนม และประจวบคีรีขันธ์

สถานการณ์โรคในต่างประเทศ

  • ในปี พ.ศ. 2551 มีรายงานโรคแอนแทรกซ์ทั้งในคนและในสัตว์ในประเทศจีน อินเดีย มองโกเลีย อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน คีร์กิซสถาน ลาว และเวียดนาม
  • มิถุนายน-กรกฎาคม 2552 พบการระบาดของโรค 5 ครั้ง ได้แก่ ครั้งแรก ทางตะวันตกของประเทศคาซัคสถาน เป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 59 ปีได้รับการวินิจฉัยโรคแอนแทรกซ์ และพบผู้ป่วยสงสัย 14 ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทางการคาซัคสถานได้ตรวจติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย 185 ราย ครั้งที่สอง ในเมือง Tinbongo จังหวัด Talensa-Nabdam ตอนบนของตะวันออกของประเทศกานา มีรายงานผู้ป่วย 11 ราย และเสียชีวิต 2 ราย จากการบริโภคสัตว์ที่ตายด้วยโรคแอนแทรกซ์ ครั้งที่สาม ในพื้นที่ Megiddo ตอนเหนือของประเทศอิสราเอล รายงานพบวัวเนื้อจำนวน 50 ตัว เสียชีวิต ด้วยอาการมีเลือดออกจากปาก และจากการนำม้ามวัวเสียชีวิตไปตรวจทางห้องปฏิบัติการพบมีการติดเชื้อแอนแทรกซ์ ครั้งที่สี่ ในเมือง Partido de Tres Arroyos ประเทศอาร์เจนตินา พบวัวแท้งจากการติดเชื้อแอนแทรกซ์ในกระแสเลือด และครั้งที่ห้า ในประเทศอินเดีย เมือง Tamil Nadu พบคนงานโรงนมสงสัยโรคแอนแทรกซ์ จากการติดเชื้อจากวัว และพบการระบาดใหญ่ในหลายหมู่บ้านในรัฐโอริสสา ผู้ป่วยทุกรายมีประวัติรับประทานเนื้อจากสัตว์ที่ป่วยตายด้วยโรคแอนแทรกซ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ลงพื้นที่ เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยต่อไป
  • สิงหาคม 2552 พบการระบาดของโรคแอนแทรกซ์ 3 ครั้ง ได้แก่ ครั้งแรก ในเมือง Pabna ประเทศบังคลาเทศ พบผู้ป่วย 35 ราย สาเหตุจาการบริโภคเนื้อวัวที่ติดเชื้อแบคทีเรีย ขณะนี้ผู้ป่วยยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ครั้งที่สอง ในหมู่บ้านเมย์ดาปาตา จังหวัดฟาร์คลอร์ ประเทศทาจิกิสถาน พบผู้ป่วยยืนยันโรคแอนแทรกซ์ 4 ราย และผู้ป่วยสงสัย 11 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จากการสอบสวนเพิ่มเติมพบวัวในพื้นที่ติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ 30 ตัว จาก 300 ตัว และ ครั้งที่สาม ประเทศอิหร่าน พบผู้ป่วยติดเชื้อแอนแทรกซ์ 150 ราย เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคทั่วประเทศ โดยการใช้วัคซีนและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
  • กันยายน 2552 พบการระบาดของโรคแอนแทรกซ์ 4 ครั้ง ได้แก่ ครั้งแรก ผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อแอนแทรกซ์จากวัวในหมู่บ้าน Pabna ประเทศบังคลาเทศ ไม่ต่ำกว่า 26 ราย จากการชำแหละสัตว์ป่วย และรับประทานเนื้อจากสัตว์ป่วยนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างเลือด และเนื้อเยื่อผิวหนังไปตรวจสอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล นอกจากนี้ปศุสัตว์ได้เข้าฉีดวัคซีนให้วัว 450 ตัวในหมู่บ้านที่เกิดการระบาด ครั้งที่สอง ตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย พบวัวในฟาร์มที่พื้นที่ Tatura-Stanhopa ตายจากโรคแอนแทรกซ์ เจ้าหน้าที่ได้เข้าฉีดวัคซีนวัวในฟาร์ม และกำจัดซากวัวติดเชื้อที่ตาย ครั้งที่สาม ในเมือง Nyeri ประเทศเคนยา พบผู้ป่วยชาย เสียชีวิตจากโรคแอนแทรกซ์ สาเหตุเกิดจากการบริโภคเนื้อวัวที่ติดเชื้อ และครั้งที่สี่ พบช้างในเมือง Perumbavoor ประเทศอินเดีย ล้มจากโรคแอนแทรกซ์ ซึ่งมีการอ้างว่า ช้างที่ล้มได้ถูกฝังใกล้แม่น้ำ Muvattupuzha ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อน้ำที่ประชากรล้านคนใช้ดื่ม เจ้าหน้าที่แนะนำว่าควรมีการฝังช้างในป่าใกล้กับที่สัตว์ตาย และควรขุดหลุมให้ลึกลงไป 2 เมตร

ข้อเสนอแนะ

แม้จะไม่พบการติดเชื้อทั้งในสัตว์ และในคนในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 -2552 แต่ในปี พ.ศ. 2551-2552 ก็มีรายงานโรคนี้ทั้งในคนและในสัตว์ในหลายประเทศในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะเพื่อนบ้านของไทย เช่น ลาว และเวียดนาม ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเฝ้าระวังโรคในปศุสัตว์สัตว์ที่ค้าขายผ่านทางชายแดนและสัตว์ป่านำเข้ามาในประเทศไทย ควรฉีดวัคซีนสัตว์ในพื้นที่ที่เคยเกิดโรค และในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค และควรสร้างสุขนิสัยการรับประทานอาหารของคนโดยไม่รับประทานเนื้อสัตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่รับประทานอาหารจากเนื้อสัตว์ที่ดิบหรือดิบๆ สุกๆ

โรคไข้กาฬหลังแอ่น
โรคไข้เลือดออกอีโบลา
โรคไข้เลือดออกมาร์เบอร์ก
โรคไข้หวัดนก
โรคไข้เหลือง
โรคไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya)
โรคมือเท้าปาก จากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71
โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์และเฮนดรา
โรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส
โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ส
โรคทูลารีเมีย (Tularemia)
โรคเมลิออยโดซิส
โรคลิชมาเนีย
โรควีซีเจดีหรือโรคสมองเสื่อมชนิดใหม่
โรคไข้หวัดใหญ่ (Seasonal influenza)
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (Influenza A H1N1)
โรคแอนแทรกซ์

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย