สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้ >>
โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์และเฮนดรา
เชื้อนิปาห์ไวรัส มีการระบาดครั้งแรกที่ประเทศมาเลเซีย ในช่วงเดือนกันยายน
พ.ศ.2541 ถึงเมษายน พ.ศ.2542 พบผู้ป่วยทั้งสิ้น 265 ราย และมีผู้เสียชีวิต 105 ราย
คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ 40 ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาชีพเลี้ยงสุกร ทำงานในโรงฆ่าสัตว์
หรือมีการสัมผัสสุกรป่วย ทำให้มีการทำลายสุกรไปกว่า 1.2 ล้านตัว
คิดเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่า 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในขณะเดียวกัน
ประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีการนำเข้าสุกรจากประเทศมาเลเซียก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
โดยในเดือนมีนาคม พ.ศ.2542 พบผู้ป่วยถึง 11 ราย เสียชีวิต 1 ราย
การระบาดครั้งถัดมาเกิดขึ้นระหว่างมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2544
ที่เมือง Siliguri ประเทศอินเดีย พบผู้ป่วย 66 ราย เสียชีวิตสูงถึง 45 ราย
อัตราป่วยตายร้อยละ 68 ต่อปี เดือนเมษายนของปีเดียวกัน
มีการระบาดของเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้นในประเทศบังคลาเทศ ที่เมือง Meherpur
พบผู้ป่วย 13 ราย เสียชีวิต 9 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 69
หลังจากนั้นประเทศบังคลาเทศมีการระบาดของโรคเกือบทุกปี ดังนี้
- ปี พ.ศ.2546 มีการระบาดของโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้น 1 ครั้ง
ในเดือนมกราคม ที่เมือง Naogaon พบผู้ป่วย 12 ราย เสียชีวิต 8 ราย
อัตราป่วยตายร้อยละ 67
- ปี พ.ศ.2547 มีการระบาดของโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้น 2 ครั้ง
ครั้งแรกในเดือนมกราคม ที่เมือง Goalando พบผู้ป่วย 29 ราย เสียชีวิต 22 ราย
อัตราป่วยตายร้อยละ 76 ครั้งที่ 2 ในเดือนเมษายน ที่เมือง Faridpur พบผู้ป่วย
36 ราย เสียชีวิต 27 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 75
- ปี พ.ศ.2548 มีการระบาดของโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้น 1 ครั้ง
ในเดือนมกราคม ถึงมีนาคม ที่เมือง Tangail พบผู้ป่วย 12 ราย เสียชีวิต 11 ราย
อัตราป่วยตายร้อยละ 92
- ปี พ.ศ.2550 มีการระบาดของโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้น 2 ครั้ง
ครั้งแรกในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ที่เมือง Thakurgaon พบผู้ป่วย 7 ราย
เสียชีวิต 3 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 43 ครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคมถึงเมษายน
ที่เมือง Kustia พบผู้ป่วย 8 ราย เสียชีวิต 5 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 62
ขณะเดียวกันในเมือง Nadia ประเทศอินเดีย
ซึ่งเป็นเมืองที่มีพื้นที่ติดกับประเทศบังคลาเทศ ช่วงเดือนเมษายน
มีการพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อนิปาห์ไวรัส 5 ราย และเสียชีวิตทั้งหมด
- ปี พ.ศ.2551 มีการระบาดเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ที่เมือง Manikganj และ Rajbari พบผู้ป่วย 11 ราย เสียชีวิต 6 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 54.5
การระบาดที่มาเลเซียเกิดจากเชื้อนิปาห์ไวรัสสายพันธุ์เดียว
แตกต่างจากการระบาดที่บังคลาเทศซึ่งเกิดจากหลายสายพันธุ์
ทำให้มีลักษณะอาการทางคลินิกที่หลากหลาย
ผลการสอบสวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อนิปาห์ไวรัสในบังคลาเทศจากการระบาด 4 ครั้งแรก
สรุปได้ว่าการติดเชื้อนิปาห์ไวรัสเกิดขึ้นในทุกกลุ่มอายุ และอาการไข้ อาการทางสมอง
ไอ และอาการทางระบบทางเดินหายใจ พบได้เป็นส่วนใหญ่ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อในบังคลาเทศ
อาการรุนแรงทางระบบประสาทก็พบได้เช่นกัน ภาวะแทรกซ้อนที่เรื้อรังและรุนแรง
ก็พบได้ในผู้รอดชีวิตหลายราย
ซึ่งเป็นขนาดปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อนิปาห์ไวรัส
สิ่งสำคัญในอนาคต คือ
การพัฒนาระบบเฝ้าระวังและการสอบสวนการระบาดของการติดเชื้อนิปาห์ไวรัส
โดยเฉพาะกลยุทธในการป้องกันการติดต่อและการพัฒนาแนวทางการรักษาผู้ป่วยที่อยู่เขตพื้นที่ยากจน
ในประเทศไทย ทีมวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสภากาชาดไทย
พบค้างคาวแม่ไก่ติดเชื้อไวรัสนิปาห์ประมาณร้อยละ 7
ในบางพื้นที่และอยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังตรวจพบ RNA
ไวรัสในน้ำลายและปัสสาวะของค้างคาวด้วย ดังนั้น
พื้นที่เสี่ยงดังกล่าวจึงควรเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และป้องกันไม่ให้โรคแพร่มายังสัตว์เลี้ยงตามมาตรการของกรมปศุสัตว์.
นับจากนั้นมา ยังไม่พบการระบาดของโรคนี้
และในประเทศไทยก็ยังไม่เคยพบการระบาดของโรคนี้เช่นกัน
ไวรัสเฮนดราอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับไวรัสนิปาห์ ถูกจัดในจีนัส Henipavirus
ในวงศ์ Paramyxoviridae แยกเชื้อได้ครั้งแรกในปี พ.ศ.2537
ไวรัสเฮนดราก่อให้เกิดโรคขึ้นในม้าของรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย มีการระบาดรวม
3 ครั้ง ทำให้ม้าตายไป 16 ตัว
และพบผู้เสียชีวิตจากอาการทางระบบหายใจหรือสมองอักเสบรุนแรง ผู้ป่วย 2
รายแรกติดเชื้อจากการสัมผัสม้าในช่วงที่ม้าล้มป่วย รายที่ 3 แสดงอาการใน 13
เดือนถัดมา หลังจากที่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบแบบไม่รุนแรงมาโดยตลอด
และผู้ป่วยก็เสียชีวิตจากภาวะสมองอักเสบจากอาการเห่อของเชื้อไวรัสซ้ำขึ้น
พบว่าค้างคาวกินผลไม้ (flying fox) ในสกุล Pteropus เป็นแหล่งรังโรคในธรรมชาติ
โดยค้างคาวมีการติดเชื้อสูงถึงร้อยละ 40 และเชื้อที่แยกได้
ไม่ก่อให้เกิดโรคในค้างคาว
- กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ประเทศออสเตรเลีย ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อเฮนดราไวรัส
ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐควีนสแลนด์ โดยทำงานอยู่ในคลินิกรักษาสัตว์
ซึ่งมีการติดเชื้อเฮนดราไวรัสจากม้าที่ป่วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการเฝ้าระวังในผู้ใกล้ชิด ซึ่งยังไม่พบผู้ป่วยรายอื่น
- สิงหาคม พ.ศ. 2552 พบการระบาดในม้า 23 ตัว ที่รัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย มีผู้สัมผัสใกล้ชิดม้าป่วยจำนวน 4 ราย ทั้งหมดถูกเฝ้าสังเกตอาการที่โรงพยาบาล Princess Alexandra โดยพบว่า 1 ราย ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 ส่วนอีก 3 ราย ได้รับยาต้านไวรัส หายจากการป่วย และกลับบ้าน จำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อเฮนดราไวรัสตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2537-2 กันยายน 2552 รวม 4 ราย
โรคไข้กาฬหลังแอ่น
โรคไข้เลือดออกอีโบลา
โรคไข้เลือดออกมาร์เบอร์ก
โรคไข้หวัดนก
โรคไข้เหลือง
โรคไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya)
โรคมือเท้าปาก จากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71
โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์และเฮนดรา
โรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส
โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ส
โรคทูลารีเมีย (Tularemia)
โรคเมลิออยโดซิส
โรคลิชมาเนีย
โรควีซีเจดีหรือโรคสมองเสื่อมชนิดใหม่
โรคไข้หวัดใหญ่ (Seasonal influenza)
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (Influenza A H1N1)
โรคแอนแทรกซ์