สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>

วันรัฐธรรมนูญ

      วันรัฐธรรมนูญ ตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี นับว่าเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ได้เสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งโปรดกล้าฯ ให้จัดเป็นที่ประชุมรัฐสภา ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชทานเป็นกฎหมายสูงสุดเพื่อเป็นหลักในการปกครองประเทศ นับเป็นรัฐธรรมนูญ “ฉบับแรก” ให้แก่ปวงชนชาวไทย และพระองค์ได้ทรงมีพระราชดำรัสในวันพระราชทานรัฐธรรมนูญว่า

“ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”

หากเรามองย้อนกลับไปในอดีตถึงเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เหตุการณ์นั้นนับว่าเป็นจุดเปลี่ยนของระบบการปกครองของไทย เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ใช้กันมายาวนานถึง 700 กว่าปี (คือ การปกครองที่พระมหากษัตริย์มีอำนาจเด็ดขาดในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าเป็นการปกครองแบบกษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย คือ เป็นทั้งผู้ออกกฎหมายบริหารบ้านเมือง และตัดสินคดีความด้วยพระองค์เอง ส่วนพวกขุนนาง ข้าราชการ เป็นเพียงกลไกที่ปฏิบัติไปตามพระบรมราชโองการเท่านั้น) มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

สาเหตุที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เนื่องมาจาก

  1. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อ เป็นหลักในการปกครองประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย
  2. หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ประเทศไทยได้รับผลกระทบด้วยพระองค์ ทรง ปลดข้าราชการออกเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ
  3. อิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมือง ทำให้กลุ่มคนหนุ่มสาวต้องการความ เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
  4. รัฐบาลได้ออกกฎหมายเก็บภาษี ได้แก่ ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดินจากราษฎร

จากสาเหตุดังกล่าว ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทหารและราษฎรทั่วไป จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยการปฏิวัติจากคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร ประกอบด้วยพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเดช และพันเอกพระยาฤทธิอาคเนย์ เป็นผู้บริหารประเทศ

นอกจากนี้ ในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เรียกว่า “พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว” สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ ได้แก่ การที่กำหนดว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคล คณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎร ดังนี้ พระมหากษัตริย์ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการราษฎร และศาล

 

แม้ว่าลักษณะการปกครองจะเปลี่ยนมาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่ก็ถือว่าพระมหากษัตริย์ยังเป็นประมุขของประเทศ เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อกันไปในราชวงศ์ ดังนั้น การปฏิบัติราชการต่างๆ จะต้องมีกรรมการราษฎรผู้หนึ่งเป็นผู้ลงนามรับสนองพระราชโองการ โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎรจึงจะใช้ได้ นอกจากนี้ ยังมีสถาบันที่เกิดใหม่ คือ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติในการออกกฎหมายต่างๆ เมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้วจึงจะมีผลบังคับใช้ เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สภาผู้แทนราษฎรจึงเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดทางการเมือง ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้วพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมายได้ตามเดิม

จนกระทั่งวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร ซึ่งมีหลักการที่ต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิ ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นการปกครองแบบระบอบรัฐสภา เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2475 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุข ไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองเป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรีที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้บริหารราชการแผ่นดิน แต่ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทนราษฎร รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารราชการแผ่นดินด้วย อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรได้ หากเห็นว่ามีการดำเนินการที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐที่มีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้น ได้บัญญัติไว้ว่าพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้

และนับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญ นับเฉพาะฉบับที่สำคัญมี 18 ฉบับด้วยกัน คือ

  1. ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2475 ประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475
  2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475
  3. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2489
  4. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490
  5. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2492
  6. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 ประกาศและบังคับใช้วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2495
  7. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2502
  8. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511
  9. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2515
  10. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2517
  11. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2519
  12. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520
  13. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2521
  14. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2534
  15. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534
  16. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540
  17. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
  18. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550

จากการที่ประเทศไทยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญถึง 18 ฉบับด้วยกัน ทำให้เห็นได้ว่าประเทศไทยมีความอ่อนแอในเรื่องของประชาธิปไตยอย่างมาก เห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา เหตุการณ์ในช่วงนั้นประชาชนไทยเกิดความแตกแยกทางความคิดเรื่องการเมือง มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด จนนำไปสู่เหตุการณ์ความไม่สงบที่มีความรุนแรงถึงขั้นก่อการจลาจล เผาบ้านเผาเมือง ทำให้ประเทศไทยที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสยามเมืองยิ้มในสายตาชาวต่างประเทศ กลายเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องระมัดระวังตัวเมื่อเดินทางมาประเทศไทย เนื่องจากถูกลดอันดับความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นคงไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นอีก

ดังนั้น เนื่องในวันรัฐธรรมนูญที่จะถึงนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ที่ได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยร่วมกันปฏิรูปประเทศไทยด้วยการสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้เป็นวิถีชีวิต โดยปฏิบัติตนตามสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองตามที่กฎหมายกำหนด ยอมรับฟังเสียงส่วนใหญ่และเคารพเสียงส่วนน้อย มีความสามัคคีและประนีประนอม ตลอดจนมีจิตสำนึกสาธารณะและยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง หากสังคมไทยมีความเป็นประชาธิปไตย ปัญหาความแตกแยกในสังคมก็จะไม่เกิดขึ้น สังคมไทยก็จะเข้มแข็งเป็นสังคมแห่งสันติสุขอย่างแน่นอน

ข้อมูล

  • สำนักประชาสัมพันธ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย