ศิลปะ หัตถกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม สันทนาการ >>
ศิลปะเครื่องประดับสมัยเรอนาซองค์ (Renaissance)
หลังจากที่เครื่องประดับในช่วงยุคกลางมีลักษณะการออกแบบตามความเชื่อและศรัทธาเป็นอันมากนี้
ได้รับการตื่นตัวอีกครั้งในช่วงสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 16
ในช่วงต้นของศิลปะแบบเรอนาซองค์มีการค้าขายเครื่องประดับกันอย่างคับคั่ง
ประเทศยุโรปที่มีบทบาทต่อรูปแบบนี้ คือ ประเทศอิตาลี โดยแบ่งออกเป็นช่วงสมัยคือ
สมัยโรมมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงาน
ซึ่งเป็นช่วงต้นที่สมัยเรอนาซองค์พยายามให้แตกต่างจากความเชื่อทางศาสนา
หรือหลีกเลี่ยงการสร้างสรรค์ผลงานที่มาจากศาสนา
จึงนำศิลปะของโรมมาเป็นแรงบันดาลในมาสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดความงามของศิลปะและเครื่องประดับอีกครั้งหนึ่ง
เรียกสมัยนี้ว่า ยุคคลาสสิค
ต่อมาเข้าสู่สมัยที่คำนึงถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้น
โดยการนำศิลปะของกรุงเอเธนส์กลับมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
หลังจากนั้นได้ก้าวเข้าสู่ความคิดใหม่ๆ ของมนุษย์มากขึ้น
จึงเป็นช่วงที่มีการศึกษาค้นหาแร่ธาตุธรรมชาติจากเหล่าศาสตราจารย์ทางด้านภูมิศาสตร์หลายท่าน
ทำให้เครื่องประดับรูปแบบเรอนาซองค์สามารถผลิตได้อย่างสง่างาม
ประกอบทั้งนักออกแบบเครื่องประดับในยุคนี้เป็นบุคคลที่ผสมผสานระหว่างช่างทอง จิตรกร
และประติมากร ทำให้ความลึกซึ้งและความงดงามในการออกแบบเครื่องประดับมีสูง
การออกแบบเครื่องประดับในสมัยเรอนาซองค์
เรียกยุคนี้อีกอย่างหนึ่งได้ว่า สมัยแห่งธรรมชาติ
เนื่องจากนำความคลาสิคของนิยายโบราณมามีอิทธิพลในการออกแบบเครื่องประดับโดยนำรูปแบบของธรรมชาติมาเป็นการสื่อ
แสดงถึงความมั่งคั่งและความสวยงามที่หรูหรา จึงได้มีการค้นหากรรมวิธี
ทั้งรูปแบบทางธรรมชาติและเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองการออกแบบ
จึงได้มีการศึกษาเจียระไนอัญมณีแบบใหม่
ซึ่งแต่เดิมมีแต่การเจียระไนอัญมณีแบบเบี้ยหลังเต่า จึงได้ปรากฏเจียระไนเพชรแบบ
table-cuts หรือการเจียระไนแบบเหลี่ยม ซึ่งให้แสงแวววาวได้มากกว่าเดิม
จัดเป็นการพัฒนาทางด้านการออกแบบเครื่องประดับอย่างหนึ่ง
นอกจากนี้มีการนำหินขนาดใหญ่มาประกอบบนเครื่องประดับด้วยเช่นกัน
ซึ่งนิยมนำมาทำเป็นจี้ห้อยคอเป็นส่วนมากยังคงแสดงถึงความมั่งคั่งอีกเช่นกัน
» ลักษณะการนำต้นแบบมาพัฒนาใหม่ หรือมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ
» ประวัติศาสตร์ศิลปะเครื่องประดับตะวันตกยุดก่อนประวัติศาสตร์
» ประวัติศาสตร์ศิลปะเครื่องประดับอารยธรรมโบราณ
» ศิลปะเครื่องประดับอียิปต์ (Egypt)
» ยุค Middle Kingdom หรือยุคอาณาจักรกลาง
» ยุค New Kingdom หรือยุคอาณาจักรใหญ่
» ศิลปะเครื่องประดับเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia)
» ศิลปะเครื่องประดับมิโนอัน - ไมซีเน (Minoan - Mycenae)
» ศิลปะเครื่องประดับกรีก (Greek)
» ศิลปะเครื่องประดับอีทรัสกัน (Etrucan)
» ศิลปะเครื่องประดับเชลติก (Celtic)
» ศิลปะเครื่องประดับโรมัน (Rome)
» ศิลปะเครื่องประดับไบแซนไทน์ (Byzantine)
» ประวัติศาสตร์ศิลปะเครื่องประดับตะวันตกยุคประวัติศาสตร์
» ศิลปะเครื่องประดับช่วงยุคกลาง
» ศิลปะเครื่องประดับโกธิค (Gothic)
» ศิลปะเครื่องประดับสมัยเรอนาซองค์ (Renaissance)
» ศิลปะเครื่องประดับแมนเนอริส (Mannerist)
» นักออกแบบเครื่องประดับ Benvenuto Cellini
» การออกแบบเครื่องประดับเชิงนามธรรม
» ศิลปะเครื่องประดับสมัยอลิซาเบธที่ 1
» ศิลปะเครื่องประดับบาร็อค (Baroque)
» ศิลปะเครื่องประดับนีโอคลาสสิค
» ศิลปะเครื่องประดับคาเมโอ (Cameo)
» ศิลปะเครื่องประดับนโปเลียนกับโจเซฟิน (Napoleon & Josephine)
» ศิลปะเครื่องประดับแบบคัทสติล (Cut Steel)
» ศิลปะเครื่องประดับแบบแชทเทิลเลน (Chatelaines)
» ศิลปะเครื่องประดับสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19
» ศิลปะเครื่องประดับอนุรักษ์นิยม
» นักออกแบบเครื่องประดับ Fortunato Pio Castellani
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อนาย Carlo Giuliano
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Peter Carl Faberge
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Eugene Fontenay
» ศิลปะเครื่องประดับอาร์ตนูโว (Art Nouveau)
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Rene Lalique
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Charles Lewis Tiffany
» ศิลปะเครื่องประดับวิคตอเรีย (Victoria)
» ศิลปะเครื่องประดับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
» นักออกแบบเครื่องประดับ Fulco di Verdura
» ศิลปะเครื่องประดับอาร์ตเดโค (Art Deco)
» นักออกแบบเครื่องประดับเทียมชื่อ McClelland Barclay
» บริษัทที่ออกแบบเครื่องประดับเทียมชื่อ Trifari
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Coro
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Boucher
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Haskell
» บริษัทเครื่องประดับแท้ชื่อ Cartier
» บริษัทเครื่องประดับแท้ชื่อ Van Cleep & Arpels
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Daniel Swarovski
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Eisenberg
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Hobe
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Bulgari
» ศิลปะเครื่องประดับหลังสมัยใหม่
» ศิลปะเครื่องประดับมินิมอล (Minimalism)