เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>

นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา

การพัฒนาบุคลากรด้วยการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น

“การศึกษาต่อ” เป็นวิธีการที่บุคลากรในสถานศึกษานิยมวิธีหนึ่งในบ้านเรา เพราะเป็นวิธีการที่เมื่อสำเร็จจะมีวุฒิบัตรหรือปริญญาบัตรเป็นหลักประกันความรู้ความสามารถอย่างไรก็ตาม การพัฒนาบุคลากรลักษณะนี้จะไม่เป็นหลักประกันว่าจะส่งผลให้งานขององค์กรมีประสิทธิภาพหรือคุณภาพดีขึ้นเสมอไปด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น กว่าจะสำเร็จการศึกษา งานที่ต้องการใช้ควงามรู้ความสามารถก็ล่าช้าเกินไป หรือความรู้ประสบการณ์ที่ได้อาจล้าสมัยไม่ทันกาล บางครั้งศึกษามาไม่ตรงกับงานที่ทำหรือวัตถุประสงค์ อนึ่ง การศึกษาต่อใช้เวลายาวนานกว่าจะสำเร็จตามหลักสูตร ทำให้ขาดรายได้เพราะต้องลาศึกษาและหยุดการปฏิบัติงานในองค์กรชั่วคราวหากเข้าศึกษาในระบบปกติ (full-time)

ปัจจุบันการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาด้วยการศึกษาต่อ มีอุปสรรคน้อยลงมากและเอื้ออำนวยแก่บุคลากรผู้ต้องการพัฒนาตนเองมากขึ้น โดย

  1. มีการเปิดหลักสูตรภาคพิเศษนอกเวลา (part-time) มากขึ้น ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกเวลา และสถานที่ที่ใช้ในการศึกษาต่อที่ไม่กระทบต่อการทำงานในเวลาปกติ ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์การทำงานต่อเนื่อง และสามารถนำความรู้ที่ได้จากรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนมาประยุกต์ใช้ได้โดยทันทีไม่ต้องรอให้จบการศึกษา
  2. มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา/การเรียนการสอน ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระบบ นอกระบบ หรือตามอัธยาศัย เช่น การศึกษาในมหาวิทยาลัยเปิด มหาวิทยาลัยโทรสนเทศ (Virtual University) ในห้องเรียน โทรสนเทศ (Virtual Classroom) การเรียนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์ การสอนบนเว็บ การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย การเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต รวมทั้งเทคโนโลยีสื่อประสมอื่น ๆ โดยที่ผู้เรียนไม่ต้องเดินทางไปที่สถานศึกษา และเลือกเวลาในการศึกษาที่ตนเองสะดวก สามารถติดต่อกับผู้สอนโดยผ่านสื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสม

การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาโดยการฝึกอบรม

“การฝึกอบรม” เป็นกรรมวิธีที่จัดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ความสามารถ และความชำนาญ ทั้งในด้านความคิด การกระทำในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นกระบวนการที่มีระเบียบแบบแผนที่มุ่งเสริมหรือเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับบุคลากรในหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งที่เตรียมตัวเข้าทำงาน และกำลังปฏิบัติงานประจำอยู่แล้วให้มีสมรรถภาพเพิ่มขึ้น มีความมั่นใจในการทำงาน ตัดสินใจได้ถูกต้องรวดเร็วยิ่งขึ้น (น้อย ศิริโชติ. 2523 : 6-7)

การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาโดยการฝึกอบรมก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ทำงานใหม่ ที่ยังขาดความชำนาญ ช่วยแก้ปัญหาอันเนื่องจากไม่คุ้นเคยกับเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ใหม่และทันสมัย ช่วยประหยัดรายจ่ายด้วยการใช้เวลาสั้นเมื่อเปรียบเทียบกับการศึกษาทั่วไป ช่วยพัฒนาท่าที บุคลิกภาพ สร้างความเชื่อมั่น ความพร้อม ตัดสินใจเองได้ มีความคล่องแคล่วว่องไวขึ้น รวมถึงการสนับสนุนให้มีการศึกษาตลอดชีพอีกด้วย

ทั้งองค์การและตัวผู้รับการฝึกอบรม ต่างมีความมุ่งหมายของแต่ละฝ่ายอันเกิดจากกิจกรรมการฝึกอบรมเดียวกัน เช่น ความมุ่งหมายขององค์การอาจจัดฝึกอบรมเพื่อสร้างความสนใจหรือกระตุ้นการปฏิบัติงานของบุคลากร แนะนำวิธีปฏิบัติ พัฒนาทักษะการปฏิบัติเพื่อผลที่ได้รับสูงสุด เพื่อลดความสิ้นเปลือง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงาน จัดวางมาตรฐานการทำงาน พัฒนาฝีมือ รวมถึงพัฒนาการบริหารงานบุคคลให้เป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย ส่วนผู้รับการฝึกอบรมอาจมีความมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เช่น เพื่อการเลื่อนขั้นหรือตำแหน่ง พัฒนาท่าทีบุคลิกภาพ เพื่อทดลองปฏิบัติงาน ฝึกฝีมือการทำงาน ฝึกการตัดสินใจ เรียนรู้งานเพื่อลดอันตรายจากการทำงาน เพื่อขวัญและกำลังใจหรือเพื่อเข้าใจนโยบายของหน่วยงาน เป็นต้น

การพัฒนาบุคลากรโดยการฝึกอบรม สามารถทำได้ทั้งก่อนที่บุคลากรจะเริ่มทำงานในองค์การหรือสถานศึกษา (pre-service training) และในระหว่างที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในองค์กรทางการศึกษานั้น ๆ (in-service training) หรือเรียกว่าฝึกอบรมบุคลากรประจำการขึ้นอยู่กับความต้องการและจำเป็นของหน่วยงานและตัวบุคลากรเอง

เทคนิควิธีการที่ใช้ในการฝึกอบรม โดยทั่วไปเป็นวิธีการที่จัดขึ้นเป็นทางการ ณ สถานที่และเวลาที่กำหนด อาจกระทำภายในองค์กรที่ผู้รับการฝึกอบรม ทำงานอยู่ หรือสถานที่อื่น ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดฝึกอบรมอาชีพก็เป็นได้ การฝึกอบรมตามรูปแบบนี้ใช้สื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีที่ใช้ในการเรียนการสอนทั่ว ๆ ไปในการถ่ายทอด เช่น วัสดุกราฟิกต่าง ๆ สื่อโสตทัศน์ คอมพิวเตอร์ และ/หรือวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่ทำการฝึกอบรมโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน ด้วยพัฒนาการและประสิทธิภาพของนวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษาที่สูงขึ้น ทำให้กระบวนการฝึกอบรมได้รับการพัฒนาไปในรูปแบบ “การฝึกอบรมทางไกล” ซึ่งผู้ให้การอบรมกับผู้รับการอบรมอยู่ห่างกันคนละที่ และอาศัยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลระบบ 2 ทาง เข้าช่วย เช่น การฝึกอบรมผ่านระบบประชุมทางไกล การฝึกอบรมด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระบบมัลติมีเดีย ฝึกอบรมโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นฐาน (computer-based training) ฝึกอบรมจากสื่อออนไลน์ ฝึกอบรมโดยวีดิทัศน์ตามประสงค์ (video on demand) เป็นต้น

การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน
นวัตกรรมการศึกษามวลชน
ความจำเป็นในการใช้สื่อมวลชนเพื่อการศึกษา
สื่อมวลชนกับการศึกษาในระบบโรงเรียน
ความแตกต่างระหว่างสื่อมวลชนกับระบบโรงเรียน
สื่อมวลชนกับการศึกษานอกระบบโรงเรียน
สื่อมวลชนกับการศึกษาตามปกติวิสัย
เนื้อหาทางการศึกษาของสื่อมวลชน
ปัจจัยสนับสนุนการใช้สื่อมวลชนเพื่อการศึกษา
สื่อมวลชนศึกษา (Media Education)
แนวทางในการจัดหลักสูตรสื่อมวลชนศึกษา
นวัตกรรมการศึกษารายบุคคล
การใช้เทคโนโลยีในการจัดการฐานข้อมูลขององค์การทางการศึกษา
การใช้เทคโนโลยีช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารองค์การทางการศึกษา
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารองค์การทางการศึกษา
การใช้เทคโนโลยีเสริมสร้างคุณภาพองค์การทางการศึกษา
การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาบุคลากรฯ
การพัฒนาบุคลากรด้วยการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาโดยการสัมมนา
การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาโดยการศึกษาดูงาน
รูปแบบการแพร่นวัตกรรมและกระบวนการตัดสินใจ
ลักษณะที่สำคัญบางประการของการแพร่กระจายนวัตกรรม
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
กระบวนการตัดสินใจนวัตกรรม (Innovation decision process)
การยอมรับนวัตกรรม
ปัจจัยเกี่ยวกับลักษณะของนวัตกรรม
ปัจจัยเกี่ยวกับผู้รับนวัตกรรม
ปัจจัยทางด้านระบบสังคม (social system)
การปฏิเสธและการยอมรับนวัตกรรม

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย