ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>
แนวทางการใช้เหตุผลของมนุษย์แนวตะวันตก
การใช้เหตุผลแนวเหตุผลนิยม
การใช้เหตุผลแนวประสบการณ์นิยม
การใช้เหตุผลแนวปฏิบัตินิยม
การใช้เหตุผลแนวประโยชน์นิยม
การใช้เหตุผลแนวมนุษย์นิยม
บรรณานุกรม
การใช้เหตุผลแนวเหตุผลนิยม
ความหมาย
เหตุผลนิยมเป็นชื่อเรียกแนวคิดของนักปรัชญากลุ่มหนึ่ง เช่น
โสกราติส (Socrates : ก่อนคริสตศักราช 469?-399 ปี), เพลโต(Plato:ก่อนคริสตศักราช
427-347 ปี), เดการ์ต (Descartes: ค.ศ.1596-1650) , ฯลฯ
โดยพจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ-ไทย
ฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้นิยามเหตุผลนิยม(rationalism)
ว่าหมายถึงแนวคิดในทางญาณวิทยาซึ่งยืนยันว่า
มนุษย์สามารถหาความรู้บางอย่างเกี่ยวกับโลกได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านประสาทสัมผัส
แต่โดยการใช้เหตุผล
นักเหตุผลนิยมบางกลุ่มถึงกับยืนยันว่าประสาทสัมผัสไม่สามารถให้ความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับโลกได้
การใช้เหตุผลตามทัศนะของนักเหตุผลนิยมมิได้หมายรวมถึงการสรุปที่เกิดจากการอุปนัย
(induction)
แต่หมายถึงกระบวนการคิดที่โยงความสัมพันธ์ระหว่างความคิดหนึ่งกับความหนึ่ง
แนวคิดแบบเหตุผลนิยมเป็นแนวคิดที่ตรงข้ามกับแนวคิดแบบประสบการณ์นิยม (empiricism)
(ราชบัณฑิตยสถาน, 2540: 85.)
จากคำนิยามดังกล่าวทำให้เข้าใจได้ว่าเหตุผลนิยมเป็นแนวคิดทางญาณวิทยา(epistemology)
ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของวิชาปรัชญาที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง ความรู้ (Knowledge) เช่น
ความรู้ มีลักษณะเช่นไร ความรู้ ได้มาทางไหน
แนวคิดแบบเหตุผลนิยมได้พยายามจะตอบปัญหาเหล่านี้
ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาในวิชาปรัชญาจึงจะไม่กล่าวทั้งหมดในที่นี้แต่จะกล่าวถึงแนวคิดบางส่วนของเหตุผลนิยม
คือ เหตุผล นั้นคืออะไร และ
ทำไมเหตุผลนิยมให้ความสำคัญกับเหตุผลมากกว่าประสาทสัมผัสในการได้มาซึ่งความรู้
แนวคิด
เหตุผลคืออะไร
คำว่า เหตุผล มีความหมายที่แตกต่างกันตามบริบทของการใช้ เช่น
มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีเหตุผล,
เราควรใช้เหตุผลพิจารณาก่อนที่จะเชื่อหรือทำในสิ่งต่าง ๆ,
ไม่มีเหตุผลอะไรที่สนับสนุนในสิ่งที่เธอพูด,
ปัญหาการทุจริตเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องลาออก , ฯลฯ
ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะความหมายที่สำคัญ 3 ความหมาย
- เหตุผล
คือข้อความหรือหลักฐานที่ถูกนำมาใช้สนับสนุนความคิดความเชื่อหนึ่งเพื่อให้ผู้อื่นคล้อยตาม
ประโยคว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่สนับสนุนในสิ่งที่เธอพูด
เป็นตัวอย่างของคำกล่าวที่ใช้คำว่า เหตุผล ในความหมายนี้
เหตุผล ในความหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า การอ้างเหตุผล ซึ่งเป็นลักษณะการใช้ภาษาของมนุษย์ที่ผู้ใช้ภาษาใช้ผ่านการพูดหรือเขียนเพื่อต้องการให้ผู้อื่นเห็นด้วย เห็นจริง หรือเห็นตาม โดยพยายามยกตัวอย่าง หลักฐานหรือความเชื่อบางอย่างมาเป็น เหตุผล หรือ ข้ออ้าง เพื่อชักจูงให้อีกฝ่ายคล้อยตามความคิดความเชื่อของผู้ใช้ภาษาหรือเรียกว่า ข้อสรุป ของการอ้างเหตุผลนั้น เช่น เจ้าของร้านนี้สวยดี เรากินข้าวร้านนี้กันเถอะ เป็นการอ้างเหตุผลชุดหนึ่งซึ่ง เจ้าของร้านนี้สวยดี เป็นส่วนที่เรียกว่าข้ออ้าง และ เรากินข้าวร้านนี้กันเถอะ เป็นส่วนที่เรียกว่าข้อสรุปของการอ้างเหตุผลชุดนี้, หรือ ร้านที่ขายของถูกทุกร้านเป็นร้านที่มีคนเข้ามาก ร้านตาดำจิ้มจุ่มมีคนเข้ามาก ดังนั้นร้านตาดำจิ้มจุ่มต้องขายของถูกแน่เลย เป็นการอ้างเหตุผลอีกชุดหนึ่งที่ ร้านที่ขายของถูกทุกร้านเป็นร้านที่มีคนเข้ามาก และ ร้านตาดำจิ้มจุ่มมีคนเข้ามาก เป็นส่วนที่เรียกว่าข้ออ้าง และ ร้านตาดำจิ้มจุ่มต้องขายของถูกแน่เลย เป็นส่วนที่เรียกว่าข้อสรุปของการอ้างเหตุผลชุดนี้ - เหตุผล คือ สาเหตุ ประโยคว่า
ปัญหาการทุจริตเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องลาออก
เป็นตัวอย่างของคำกล่าวที่ใช้คำว่า เหตุผล ในความหมายนี้
เหตุผล หมายถึงคำอธิบายเหตุการณ์ในเชิงสาเหตุและผลลัพธ์ เช่น เราเห็นเหตุการณ์เด็กชายสมศักด์ล้อชื่อพ่อของเด็กชายสมส่วนแล้วเด็กชายสมส่วนชกเด็กชายสมศักดิ์ เราจะอธิบายเหตุการณ์ที่นี้ว่า เด็กชายสมศักดิ์ล้อชื่อพ่อของเด็กชายสมส่วน เด็กชายสมส่วนเลยชกเด็กชายสมศักดิ์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งให้ชัดเจนในแง่สาเหตุ-ผลลัพธ์คือ การที่เด็กชายสมศักดิ์ล้อชื่อพ่อของเด็กชายสมส่วนเป็นเหตุผลหรือสาเหตุทำให้เด็กชายสมส่วนชกเด็กชายสมศักดิ์ - เหตุผล คือศักยภาพทางความคิดของมนุษย์ ประโยคว่า มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีเหตุผล, เราควร
ใช้เหตุผลพิจารณาก่อนที่จะเชื่อหรือทำในสิ่งต่าง ๆ
เป็นตัวอย่างของคำกล่าวที่ใช้คำว่า เหตุผล ในความหมายนี้
เหตุผลเป็นศักยภาพทางความคิดของมนุษย์ทำให้มนุษย์เหนือกว่าสัตว์อื่น
เพราะมนุษย์สามารถใช้เหตุผลในแสวงความจริงหรือความรู้ และคิดสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ
เหตุผลเป็นศักยภาพทางความคิดของมนุษย์ ในการเข้าใจถึงการเชื่อมโยงที่จำเป็นต่าง ๆ
(necessary connections ) เช่น การเชื่อมโยงที่จำเป็นของแต่ละเหตุการณ์
(รู้ว่าสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด)
การเชื่อมโยงเช่นนี้สามารถนำไปสู่การคาดเดาเชื่อมโยงการเกิดขึ้นของสิ่งต่าง ๆ ได้
เช่น ในอดีตเราเห็นสองเหตุการณ์คือ
1.เมฆดำ
2.ฝนตก
เกิดขึ้นติดต่อกันเสมอ
นำไปสู่การใช้เหตุผลเข้าใจได้ว่าสองเหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงที่จำเป็นระหว่างกัน
คือ เมื่อมีเมฆดำแล้วฝนจะตก เหตุผลในแง่ของศักยภาพทางความคิดของมนุษย์
ในการเข้าใจในการเชื่อมโยงที่จำเป็นของสิ่งต่าง ๆ นำไปสู่การเกิดขึ้นของความรู้ต่าง
ๆ ดังเช่น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ได้จากการทดลองต่าง ๆ เช่น
จากการทดลองต้มน้ำหลาย ๆ ครั้ง
แล้วพบว่าน้ำจะเดือดที่หนึ่งร้อยองศาเซลเซียสทุกครั้ง
นำไปสู่ข้อสรุปอันเป็นความรู้จากการทดลองว่า น้ำมีจุดเดือดที่หนึ่งร้อยองศา
ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าเราจะต้มน้ำสักกี่ครั้งทั้งในอดีตหรืออนาคตน้ำจะเดือดที่หนึ่งร้อยองศาเสมอ
การเชื่อมโยงที่จำเป็นอีกอย่าง คือ กฎทางคณิตศาสตร์ ดังคำถามว่า
เรารู้ได้อย่างไรว่า 1+1=2 แน่นอนว่า เราอาจจะตอบได้หลายคำตอบ เช่น
ครูอนุบาลเคยสอนเราอย่างนั้น, นับนิ้วเอา แต่ถ้าเราลองมานึกถึงกรณีดังต่อไปนี้ เช่น
คำถามที่ว่า 1,000,000 + 111 เท่ากับเท่าไร เราคงตอบได้ว่าเป็นจำนวน 1,000,111
และเราคงไม่บอกว่ามีคนเคยสอนเรามาหรือนับนิ้วเอา
เพราะครูคงสอนเราแค่กฎการบวกแต่อาจไม่เคยถามโจทย์นี้และคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะนับนิ้วเพื่อหาคำตอบกับจำนวนมากขนาดนั้น
สิ่งที่สำคัญคือ เรา รู้ ได้อย่างไรว่า 1,000,000 + 111 เท่ากับ 1,000,111 ทั้ง
ๆ ที่เราไม่เคยมีประสบการณ์กับตัวเลขดังกล่าวมาก่อน
และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่การเดาหรือเป็นเรื่องความรู้สึกอีกด้วยเพราะ เรารู้แน่ ๆ ว่า
1,000,000 + 111 เท่ากับ 1,000,111 สิ่งที่ทำให้เรา รู้ แน่ ๆ
คือสิ่งที่เรียกว่า เหตุผล ในแง่ของศักยภาพทางความคิดของมนุษย์
ในการเข้าใจในการเชื่อมโยงที่จำเป็นของกฎทางคณิตศาสตร์ซึ่งในตัวอย่างนี้คือกฎของการบวก
การเชื่อมโยงที่จำเป็นอย่างสุดท้ายที่อยากจะกล่าวถึง คือ
การเชื่อมโยงทางตรรกะซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องการอ้างเหตุผล เช่น
เจ้าของร้านนี้สวยดี เรากินข้าวร้านนี้กันเถอะ
เรารู้ด้วยเหตุผลได้ว่าการอ้างเหตุผลชุดนี้เป็นการอ้างเหตุผลที่ไม่ดี เพราะข้ออ้าง
เจ้าของร้านนี้สวยดี ไม่มีความเชื่อมโยงทางตรรกะที่ดีกับข้อสรุป
เรากินข้าวร้านนี้กันเถอะ หากกล่าวโดยง่ายคือ
เราสามารถคิดได้ด้วยเหตุผลว่าการที่เราจะเลือกกินข้าวร้านใดร้านหนึ่งไม่ใช่เพราะเจ้าของร้านสวยหรือไม่
แต่เพราะร้านนั้นขายอาหารที่ถูก อร่อย และสะอาดหรือไม่ ดังนั้น
เจ้าของร้านนี้สวยดี เรากินข้าวร้านนี้กันเถอะ
จึงเป็นการอ้างเหตุผลที่ไม่ดีไม่น่าเชื่อถือ
ส่วนตัวอย่างการอ้างเหตุผลอีกชุดหนึ่ง
ร้านที่ขายของถูกทุกร้านเป็นร้านที่มีคนเข้ามาก ร้านตาดำจิ้มจุ่มมีคนเข้ามาก
ดังนั้นร้านตาเดิมจิ้มจุ่มต้องขายของถูกแน่เลย
ซึ่งดูเหมือนเป็นการอ้างเหตุผลที่น่าเชื่อถือ แต่เราสามารถคิดได้ด้วยเหตุผลว่า
จากข้ออ้างว่าร้านที่ขายของถูกทุกร้านเป็นร้านที่คนเข้ามากและร้านตาดำจิ้มจุ่มก็มีคนเข้ามาก
ไม่จำเป็นต้องสรุปว่าร้านตาดำจิ้มจุ่มเป็นร้านที่ขายถูก
เพราะการที่ร้านตาดำจิ้มจุ่มมีคนเข้ามากอาจเพราะสาเหตุอื่นก็ได้เช่นขายอาหารอร่อย
สะอาดและคนขายมีอัธยาศัยให้บริการดี
ส่วนตัวอย่างการอ้างเหตุผลที่ดีมีความเชื่อมโยงทางตรรกะ เช่น
คนทุกคนต้องตาย นายยมเป็นคน ดังนั้นนายยมก็ต้องตาย
ข้ออ้างของการอ้างเหตุผลชุดนี้คือ คนทุกคนต้องตาย และ นายยมเป็นคน
ส่วนข้อสรุปคือ นายยมต้องตาย
ซึ่งเราสามารถคิดได้ด้วยเหตุผลว่าข้อสรุปของการอ้างเหตุผลชุดนี้ต้องเป็นจริงเสมอ
เพราะเมื่ออ้างว่าคนทุกคนต้องตาย นายยมก็เป็นคนคนหนึ่ง
ดังนั้นนายยมต้องตายอย่างแน่นอน
จากที่กล่าวมา เหตุผล ในความหมายที่สามมีความสัมพันธ์กับ เหตุผล
ในความหมายที่หนึ่งคือ เราใช้ เหตุผล
ในความหมายแรกซึ่งเป็นศักยภาพของมนุษย์ในการเข้าใจความเชื่อมโยงที่จำเป็นของสิ่งต่าง
ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อมโยงทางตรรกะ เพื่อ ประเมิน การอ้างเหตุผล
ของผู้อื่น ซึ่งเป็น เหตุผล ในความหมายที่สองที่เป็นลักษณะการใช้ ภาษา
และเรายังใช้ เหตุผล ในความหมายแรกในการแสดง การอ้างเหตุผล
ที่ดีของตนเองเพื่อให้ผู้อื่นคล้อยตามความคิดเห็นของเรา
และ เหตุผล ในความหมายที่สามมีความสัมพันธ์กับ เหตุผล
ในความหมายที่สองคือ เหตุผล
ในความหมายที่สองหรือสิ่งที่เป็นสาเหตุสามารถเข้าใจได้จาก เหตุผล
อันเป็นศักยภาพของมนุษย์ในการเข้าใจความเชื่อมโยงที่จำเป็นคือการเป็นสาเหตุและผลลัพท์
เหตุผล
ในความหมายที่สามจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะมนุษย์สามารถใช้เหตุผลในแสวงความจริงหรือความรู้
และคิดสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ
ซึ่งแม้มนุษย์ทุกคนเป็นสัตว์ที่มีเหตุผลแต่มนุษย์แต่ละคนมีความสามารถในการใช้เหตุผลที่แตกต่างกันเพราะในการใช้เหตุผลมีปัจจัยที่สำคัญสองประการ
ปัจจัยแรกคือ เหตุผล
อันเป็นศักยภาพทางความคิดซึ่งมาจากการทำงานของสมองมนุษย์ที่แม้มนุษย์ทุกคนมีแต่ก็แตกต่างกัน
เช่น มนุษย์บางคนอย่างไอน์สไตน์
มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนอื่นทั้งนี้มีการวิจัยที่พบว่าสมองของไอน์สไตน์นั้นมีความแตกต่างจากบุคคลทั่วไปทำให้เขามีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์มากกว่าผู้อื่น
ปัจจัยที่สอง คือ ประสบการณ์
ประสบการณ์เป็นเหมือนข้อมูลประกอบการใช้เหตุผลของมนุษย์ในการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ
ผู้ที่มีประสบการณ์หรือข้อมูลมากกว่าย่อมมีความสามารถในการใช้เหตุผลได้ดีกว่า
เราจะเห็นว่าปัจจัยแรกของการใช้เหตุผลเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างยาก
แต่ปัจจัยที่สองเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่า
การมีประสบการณ์มากไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ
ผู้ที่มีอายุเท่ากันไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์เท่ากัน
เพราะมนุษย์แต่ละคนมีความกระตือรือล้นแตกต่างกันในการแสวงหาค้นคว้าเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ตัวเอง
ที่ผ่านมาเป็นการอธิบายความหมายของคำว่า เหตุผล ในสามความหมาย
ซึ่งแนวคิดแบบเหตุผลนิยมนั้นให้ความสำคัญกับ เหตุผล
ในความหมายที่สามคือศักยภาพในการคิดของมนุษย์นี้มากจนเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญในการได้มาซึ่งความรู้ที่แท้จริงของมนุษย์
ซึ่งแนวคิดแบบเหตุผลนิยมก็มีรูปแบบการอ้างเหตุผลของตัวเองอันเป็น เหตุผล
ในความหมายแรกเพื่อนำเสนอแนวคิดของตัวเองว่าทำไมจึงให้ความสำคัญกับเหตุผลมากกว่าประสาทสัมผัสในการได้มาซึ่งความรู้
ความน่าเชื่อถือของเหตุผลในการเป็นที่มาของความรู้
เหตุผลนิยมไม่ได้ปฏิเสธว่าประสาทสัมผัสไม่ได้ให้ความรู้
นักเหตุผลนิยมยอมรับว่าประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย(สัมผัส)
นั้นทำให้เรารับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโลก
แต่บางครั้งนั้นประสาทสัมผัสทั้งห้านี้หลอกลวงเรา เช่น
ถ้าเราเอามือซ้ายที่เพิ่งจับน้ำแข็งและมือขวาที่เพิ่งแช่น้ำร้อนมาแช่น้ำในตุ่มหนึ่ง
มือซ้ายจะรู้สึกว่าน้ำในตุ่มร้อนส่วนมือขวาเย็น ซึ่งนี่หมายความว่า
น้ำในตุ่มซึ่งน่าจะมีอุณหภูมิแน่นอนหรือเท่ากันทั้งตุ่มนั้นกลายเป็นไม่แน่นอนหรือมีอุณหภูมิไม่เท่ากันเสียแล้วเมื่อใช้มือทดสอบ,
ถ้าเราไปทานมะนาวมาใหม่แล้วมาทานส้ม เราอาจจะรู้สึกว่าหวาน
ในขณะที่คนอื่นที่ทานส้มผลเดียวกันบอกว่าเปรี้ยว,
หรือตาของเราเห็นรางรถไฟบรรจบกันซึ่งเรารู้ดีว่าไม่เป็นเช่นนั้น(เพราะรางรถไฟเป็นเส้นขนาน),
จากตัวอย่างดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าข้อมูลที่ได้จากประสาทสัมผัสนั้นไม่แน่นอนและไม่สามารถเชื่อถือได้
นักเหตุผลนิยมจึงไม่เชื่อในประสาทสัมผัสเพราะบางครั้งประสาทสัมผัสหลอกลวงเรา
การที่เรารู้ว่าบางครั้งประสาทสัมผัสหลอกหลวงเราเพราะเราสามารถคิดได้ด้วยเหตุผล
เช่น เราสามารถคิดด้วยเหตุผลว่าแท้จริงแล้วน้ำในตุ่มเดียวกันน่าจะมีอุณหภูมิเท่ากัน
หรือส้มผลเดียวกันน่าจะมีรสเหมือนกัน
หรือเมื่อตาของเรามองทางรถไฟที่ทอดไปข้างหน้าเราเห็นมันบรรจบกัน
แต่เราก็ไม่เชื่อตามที่ตาเห็น
ทั้งนี้เพราะเราคิดด้วยเหตุผลว่าถ้ารางรถไฟมาบรรจบกันตามที่ตาเห็นแล้วรถไฟจะวิ่งได้อย่างไร
ดังนั้นนักเหตุผลนิยมจึงให้ความสำคัญกับเหตุผลมากกว่าประสาทสัมผัส
ประสาทสัมผัสอาจให้ข้อมูลแต่เหตุผลเป็นตัวตัดสิน (วิทย์ วิศทเวทย์, 2532(b):
101-102.)
นักเหตุผลนิยมพยายามหาเหตุผลเพื่อพิสูจน์ความรู้ในสิ่งต่างๆ
ดังเช่นตัวอย่างการอ้างเหตุผลของนักเหตุผลนิยมคนสำคัญ คือ เดการ์ต (Descartes:
ค.ศ.1596-1650)
ซึ่งเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้าพยายามแสดงการอ้างเหตุผลในการอธิบายถึงความมีอยู่จริงของสิ่งต่าง
ๆ ในโลก โดยเขาเริ่มจากการสงสัยว่าโลกภายนอกมีอยู่จริงหรือไม่ พระเจ้า
มนุษย์หรือแม้แต่ร่างกายของตัวเขาเองนั้นมีจริงหรือไม่
ท้ายสุดแล้วเขาเห็นว่าถึงแม้ว่าเขาจะสงสัยในการมีอยู่ของสิ่งต่าง ๆ
แต่สิ่งที่มีอยู่จริงแน่นอนคือการสงสัยหรือการคิดของเขา
ดังนั้นเขาจึงเริ่มจากข้ออ้างแรกในการอ้างเหตุผลว่า การที่ข้าพเจ้าสงสัย
แสดงว่าข้าพเจ้ามีอยู่จริง (cogito ergo sum)
เพื่อยืนยันเริ่มต้นในความแน่ใจในการมีอยู่ของตัวเขาเองว่าอย่างน้อยเขาคือสิ่งที่คิดได้หรือจิตนั้นมีอยู่จริง
แต่เขายังไม่ได้พิสูจน์การมีอยู่ทางร่างกายของเขา
เขาได้ข้ามไปสู่การพิสูจน์การมีอยู่ของจิตของพระเจ้า
โดยอ้างว่าเราไม่อาจคิดเกี่ยวกับความไม่สมบูรณ์ของจิตของเราได้
โดยปราศจากความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่สมบูรณ์แบบมาก่อน
และความคิดเกี่ยวกับจิตที่สมบูรณ์ย่อมต้องมาจากสิ่งที่สมบูรณ์ หรืออีกแง่หนึ่ง คือ
เราไม่อาจคิดถึงพระเจ้าได้
นอกเสียจากว่าพระองค์ได้ประทานความคิดของตัวพระองค์ให้แก่เรา
ดังนั้นความคิดเกี่ยวกับสิ่งสมบูรณ์ย่อมแสดงถึงการมีอยู่จริงของสิ่งสมบูรณ์สูงสุดซึ่งได้แก่พระเจ้า
และต่อมาเขาได้พิสูจน์การมีอยู่ของโลกภายนอกรวมทั้งร่างกายของเขาด้วยโดยอ้างว่าเพราะพระเจ้าเป็นสิ่งสมบูรณ์ที่สุดจึงเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะหลอกลวงเรา
ดังนั้นโลกภายนอกแห่งการสัมผัสของเราจำต้องมีอยู่จริง (เพราะพระเจ้าสร้างขึ้น)
แต่ก็มิได้หมายความว่าประสาทสัมผัสของเราจะรายงานต่อเราอย่างถูกต้องเสมอไป
(จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี, 2547: 71-73.)
การประยุกต์
จากส่วนที่แล้ว เหตุผลนิยมได้แสดงเหตุผลหรือ การอ้างเหตุผล
ว่าประสาทสัมผัสไม่สามารถให้ความรู้หรือความจริงที่แน่นอนแก่เรา เหตุผล
ซึ่งเป็นศักยภาพทางการคิดของมนุษย์ในการเข้าใจความเชื่อมโยงที่จำเป็นของความคิดหรือข้อมูลที่ได้รับจากประสาทสัมผัสต่างหากที่ให้ความรู้ที่แน่นอนกับเรา
ประสาทสัมผัสอาจให้ข้อมูลแต่เหตุผลเป็นตัวตัดสิน
แน่นอนว่าการอ้างเหตุผลแบบเหตุผลนิยมเป็นสิ่งที่ค่อนข้างห่างไกลจากการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
เราคงไม่สงสัยในการมีอยู่จริงของโลกภายนอกหรือสงสัยว่าประสาทสัมผัสของเราหลอกลวงเราหรือไม่เช่นดังนักเหตุผลนิยม
แต่การสงสัยต่อการมีอยู่จริงของโลกภายนอกของเหตุผลนิยมอาจให้ข้อคิดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ชีวิตประจำได้ว่าอย่างน้อยเราควรสงสัยว่าสิ่งที่เรารับรู้อาจไม่เป็นจริงหรือถูกต้องดีงามเสมอไป
สิ่งที่เรารับรู้ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงข้อมูลโลกภายนอกจากประสาทสัมผัสเช่นเดียวกับข้อสงสัยของนักเหตุผลนิยมแต่เป็นข่าวสารข้อมูลต่าง
ๆ
ในปัจจุบันเราอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ซึ่งข่าวสารข้อมูลหลั่งไหลเข้าหาเราผ่านสื่อต่าง
ๆ ทั้งหนังสือ วิทยุ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์
สิ่งที่เรารับรู้อาจไม่เป็นจริงตามที่สื่อนำเสนอ เราจึงต้องใช้ เหตุผล
ในการตัดสินใจในการเชื่อในสิ่งที่สื่อนำเสนอ
เราจะเห็นว่าข่าวสารข้อมูลที่หลั่งไหลเข้าหาเราผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งหนังสือ
วิทยุ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์
บางส่วนมีลักษณะของการอ้างเหตุผลคือพยายามเสนอว่าทำไมจึงควรยอมรับหรือเชื่อในสิ่งที่สื่อกำลังเสนอ
ดังในโฆษณาต่าง ๆ พยายามทำให้เราเชื่อว่าสินค้าต่าง ๆ
เป็นสิ่งที่น่าใช้ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา เช่น
ดื่มเครื่องดื่มบางยี่ห้อแล้วทำให้ดูเป็นคนดีหรือเป็นคนรักชาติไทย
ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราในการใช้ เหตุผล
ซึ่งเป็นศักยภาพทางการคิดของเราพิจารณาเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ว่าสิ่งที่สื่อต่าง ๆ
นำเสนอน่าเชื่อถือ ถูกต้องหรือดีงามหรือไม่
ดังจากตัวอย่างที่กล่าวมาเราสามารถพิจารณาด้วย เหตุผล ได้ว่า
การดื่มเครื่องดื่มบางยี่ห้อกับการเป็นคนดีหรือเป็นคนรักชาติไทยนั้นไม่สัมพันธ์กัน
โฆษณานั้นจึงไม่น่าเชื่อถือ นอกจากโฆษณาแล้วยังมีข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ อีกมากมาย
เช่น การดำเนินนโยบายของรัฐทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
ค่านิยมหรือวิถีการดำเนินชีวิตแบบใหม่
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเรา
เราควรที่จะตั้งคำถามหรือสงสัยก่อนที่จะยอมรับหรือนำมาใช้ในชีวิต เหตุผล
จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตท่ามกลางสังคมข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน.