ศิลปะ หัตถกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม สันทนาการ >>
จิตรกรรม
ศิลปะตะวันตก
ศิลปะตะวันออก
ศิลปะตะวันออก
ศิลปะอินเดีย
ศิลปะอินเดียมีความสำคัญมากเพราะเป็นแม่บทของศิลปะตะวันออกทั้งหมดการศึกษาประวัติศาสตร์ศิลป์ตะวันออกจำเป็นต้องเริ่มจากความเข้าใจในลักษณะวัฒนธรรม
ความคิดตามแบบของอินเดียก่อน
สิ่งต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่ผู้ศึกษาต้องทำความเข้าใจคือ
- ศิลปะอินเดีย มีรากฐานที่ไม่ใช่มาจากศาสนาเดียว แต่ประมาณ 3-4 ศาสนา คือ
ฮินดูพุทธ เชน และอิสลาม
ศิลปะที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของศาสนาถ้าจะถือเป็นแบบแผนศิลปะคนละอันก็ได้
แต่ส่วนที่คล้ายกันก็มี
- การแบ่งวิชาการต่างๆออกเป็นศาสนาศิลปะและปรัชญานั้น Dietze Suzuki
ผู้เชี่ยวชาญปรัชญาวัฒนธรรมตะวันออก กล่าวว่า
การมองแบบนี้เป็นวิธีการมองแบบตะวันตกถ้าจะศึกษาให้มองแบบตะวันออกคือ
-คำว่าศาสนา เป็นคำที่มาจากแนวคิดตะวันตกส่วนตะวันออกจะถือว่า ลัทธิ ประกอบไปด้วยศาสดา คำสอน สาวก และนอกจากนั้นลัทธิต่างๆเช่นฮินดู หรือ พุทธจะประกอบไปด้วย
-แบบแผนและวิธีการสร้างรูปเคารพและออกแบบอาคารตะวัน ออก (ส่วนนี้ชาวตะวันตกเรียกว่า ศิลปะ) เพื่อเสริมสร้างศรัทธา ก่อให้เกิดความน่าเลื่อมใส
-วิธีเขียนอธิบายขยายความให้คำสอนน่าอ่านพิสดารน่าศรัทธา(ส่วนนี้ชาวตะวันตกเรียกว่า ปรัชญา)
-พิธีกรรม การปฏิบัติ การจัดให้มีเทศกาล การเฉลิมฉลองเพื่อ ให้คนเข้ามารับรู้เลื่อมใสในลัทธิ ข้อปฏิบัติตรงนี้ตรงกับคำว่า พิธี กรรมจากมุมมองนี้แม้เราจะยังใช้3ษาที่มาจากมุมมองของชาว ตะวันตกจะเห็นได้ว่าศิลปะอินเดีย ตามแบบแผนของแต่ละศาสนาจะมีข้อกำหนดต่างๆตามแนวทางของศาสนาจะมีข้อกำหนดต่างๆตามแนวทางของศาสนานั้นๆ
ศิลปะจีน
ภาพวาดตามที่ฝังศพตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์สะท้อนให้เห็นความเชื่อเรื่องการบูชาวิญญาณบรรพบุรุษพุทธศาสนานิกายมหาญาณนั้น
เริ่มต้นมาจากอินเดียก็จริงแต่มางอกงามในจีน
อิทธิพลสำคัญของพุทธศิลปะจากอินเดียที่ส่งผลต่อศิลปะจีน
ปรากฏในรูปแบบต่างๆดังต่อไปนี้
- ศิลปะจากถ้ำอจันตะ ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรมพุทธประวัติ
ตัวอย่างศิลปะถ้ำของจีนเช่น ถ้ำตันฮวง
-
จีนก็เริ่มสร้างเอกลักษณ์ในศิลปของตนไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องนิทานปรัมปราแบบมหาญาณที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้า
84000 พระองค์ในสากลจักรวาล พระโพธิสัตว์ที่อยู่ในวัฎสงสาร
ลักษณะเค้าหน้าของภาพพระพุทธเจ้า
เทพต่างๆรวมทั้งเครื่องแต่งกายแบบจีนได้เกิดขึ้น
- สถาปัตยกรรมจีนที่ใช้หลังคาซ้อน (Double roof) ซึ่งหมายถึง หลังคาที่แยกส่วนที่เป็นหลังคาแท้มีหน้าจั่วแยกจากส่วนที่เป็นปีกกันสาด มณฑลยูนาน มีการสร้างสถูปที่ใกล้เคียงกับต้นแบบจากอินเดียเป็นที่น่าสังเกตว่าศาสนาพราหมณ์ ฮินดูมิได้เข้ามาในจีน แต่อิทธิพลทางอ้อมมีปรากฏอยู่ในรูปของพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ต่างๆ เช่น ท่าทรงตัว การมีหลายพระกรคล้ายพระนารายณ์
ภาพเขียนทิวทัศน์และลัทธิเต๋า
ลัทธิเต๋าก็กำเนิดในดินแดนจีนแท้ เป็นการคิด พัฒนา
เป็นต้นตอภูมิปัญญาของจีน เล่าจื้อ เม่งจื้อและขงจื้อได้ถ่ายทอดแนวคิด ปรัชญา
ข้อปฏิบัติทางสังคมของลัทธินี้สู่ชาวจีน เนื่องจากข้อความส่วนหนึ่งในคัมภีร์ เต๋า
เต้ชิง กล่าวว่าเต่าที่แท้จริงไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดหรือมองเห็นเป็นตัวตนได้
จึงเขียนภาพทิวทัศน์ที่มีลักษณะสำคัญดังต่อไปนี้
- ภาพทิวทัศน์ของจีนไม่มีการกำหนดระดับตาและมุมมองที่แน่นอน
- การใช้ช่องว่างเป็นแบบเปิด สายหมอกที่เชื่อมต่อกัน
ระหว่างยอดเขาและพุ่มไม้เป็นวิธีการที่จิตรกรจีนจะสื่อความคิดเรื่องเต๋าอำนาจที่แทรกอยู่ในสรรพสิ่งต่างๆ
- ห้ามเขียนภาพแสดงความดุร้ายของธรรมชาติ เช่นท้องฟ้ามีพายุหรือพื้นน้ำมีคลื่นศิลปะอื่นๆ เช่นการจัดสวน ภาพประกอบวรรณคดีกิจกรรมที่ถือเป็นสิ่งที่ผู้ทรงภูมิปัญญา เป็นนักปราชญ์ ทำกันมีสี่อย่างคือ จิตรกรรม การเขียนปรัชญาและบทกวี ภาพเขียนมีภาพเหตุการณ์ชีวิตประจำวัน จากประวัติศาสตร์ ภาพฮ่องเต้และขุนนาง หรือทำภาพพิมพ์บล็อกไม้เป็นภาพประกอบเรื่องในวรรณคดีก็มี ศิลปะในการออกแบบสวน ทำสระน้ำ คลองปลูกต้นไม้และทำเขาหินเทียม สร้างทุกสิ่งให้กลมกลืนกันราวกับว่า สวนนั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ มิได้มีมนุษย์ออกแบบ สุนทรียในสวนจีน คือ การกำหนดทางเดินและจุดที่ผู้ชมจะมองผ่านหน้าต่างหรือและเห็นส่วนที่สวยงามของสวน จากจุดและมุมมองที่ผู้ออกแบบกำหนดไว้ หลักสุนทรียศาสตร์ของจีนโบราณคือการนำก้อนหินที่มีรูปร่างแปลกประหลาดจากการถูกน้ำเซาะ หรือจากสาเหตุอื่นมาตั้งไว้บนแท่นให้คนชมกิจกรรมนี้คล้ายกับการตั้งแสดงประติมากรรมนามธรรม แต่จีนเริ่มกิจกรรมนี้ก่อนตะวันตกหลายศตวรรษ
ศิลปะญี่ปุ่น
วัฒนธรรมญี่ป่นจัดอยู่ในประเภทของวัฒนธรรมที่รับสิ่งต่างๆมาจากวัฒนธรรมอื่นวัฒนธรรมแบบนี้เรียกว่า
วัฒนธรรมแสงจันทร์ (Moon Shine culture) เพราะดวงจันทร์ไม่ได้มีแสงของตัวเองจริง
เอกลักษณะญี่ปุ่น คือ คนญี่ปุ่นรุ่นเก่า สอนลูกหลานว่า ชาวจีนเป็นครูของเรา
แต่ศิลปะญี่ปุ่นยุคต่อมาเริ่มสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เช่นแนวคิดในเรื่องความกลมกลืนกับธรรมชาติและความเรียบง่าย ตัวอย่างในงานศิลปะ คือ
- พระโพธิสัตว์หน้าดุ สงครามกลางเมือง ทำให้ค่านิยมของการนิยมผู้เข้มแข็ง
ภาพพจน์ของพระโพธิสัตว์ ในลักษณะที่มัดทะแมง แข็งกร้าวจึงเกิดขึ้น
- ทิวทัศน์
ภาพที่เขียนบนกระดาษฟางหรือผ้าไหมเป็นภูเขาในสายหมอกนับเป็นมรดกมาจากจีนแต่ข้อห้ามบางประการเช่นภาพความดุร้ายของธรรมชาติ
พายุฝนและทะเลที่มีคลื่นเป็นประสบการณ์ที่ชาวญี่ปุ่นนำมาแสดงออกเพราะเป็นส่วนที่ใกล้ชิดกับชีวิตของเขา
แต่คนจีนไม่กล้าทำเพราะเคารพกฎเกณฑ์โบราณจากลัทธิเต๋า
- ภาพพิมพ์ มีชื่อเสียงมากสามารถสร้างอิทธิพลทางศิลปะแก่ศิลปินตะวันตก
โดยชาวตะวันตกถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- ศิลปะเซน ลัทธิเซนนี้มาจากจีนแต่ไปงอกงามในญี่ปุ่น
สุนทรียแบบเซนอยู่ที่จิตอันแน่วแน่ของศิลปินที่จะจดแปรงแล้วเขียนอย่างเฉียบพลันทันที
ตัวอย่างเช่นภาพท้อหกผล ของหลวงจีนมองกี่(มูชิ)
เอกลักษณ์ขององค์ประกอบศิลปะในศิลปะเซ็นต่างจากของตะวันตกมาก
เพราะเป็นสมดุลที่สร้างจากมวลกลุ่มเดียวที่วางไว้ไม่อยู่กลางภาพแต่สวนหินนับเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นคือสวนแบบนี้ประกอบด้วยหินหรือกรวดเม็ดเล็กๆ
โรยแล้วเกลี่ยจนเป็นรูปแนวคลื่นแล้วมีหินก้อนใหญ่กว่าซึ่ง หมายถึงเกาะ
โผลึ้นมาระหว่างพื้นน้ำเป็นแห่งๆ
รูปแบบศิลปะนี้จะดูเป็นประติมากรรมที่มีเนื้อหาเป็นภาพทิวทัศน์ก็ได้
หรือจะดูเป็นการจัดสวนก็ได้
- คาบูกิและโนะ เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของญี่ปุ่น สำหรับอย่างหลัง โนะ มีลักษณะคล้ายโขนไทย ญี่ปุ่นรับอิทธิพลทางศิลปะหลายอย่างจากจีน แต่อิทธิพลทางอ้อมหลายอย่างมาจากอินเดียเจดีย์ไม้ของญี่ปุ่นต่างจากสถูปของอินเดียมากแต่ซุ้มประตู ทอรายก็คือ โทรานะของอินเดียนั่นเอง
ศิลปะขอม
สถาปัตยกรรมขอมเป็นการรับเอาแบบของเทวาลัยของฮินดู
ได้นำมาแปรรูปอย่างมากมายเช่นการมีปรางหลายองค์ ปรางแบบนครวัดมีพระพักตร์ขององค์เทพ
กลายเป็นเอกลักษณ์ในศิลปะขอม นางอัปสรที่มีใบหน้ากว้าง
ขากรรไกรสะท้อนลักษณะคนพื้นเมือง นักสุนทรียศาสตร์ได้ให้ความเห็นว่า
ปราสาทหินในอารยะธรรมขอมมีความงามบนความแข็งกระด้างอย่างที่ไม่เคยปรากฏที่ใดมาก่อน