สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้ >>
กรดแลคติค
สมยศ วัฒนามัย
ทุกคนคงเคยออกกำลังกายจนกระทั่งเกิดความเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อ
นั้นแหละเจอฤทธิ์เดชของเจ้าตัวร้าย กรดแลคติค เข้าให้แล้ว ก่อนอื่นโดยปกติแล้ว
ในขณะที่เราออกกำลังกาย อย่าง วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ
จะถือว่าเป็นการใช้พลังงานแบบแอโรบิคเป็นส่วนใหญ่
จะมีการใช้ออกซิเจนในการเผาผลาญพลังงาน รวมถึงไปเผาผลาญของเสียอย่างกรดแลคติค
เผากันไปเรื่อยๆ จนได้ คาร์บอน ไดออกไซด์ และน้ำ
คาร์บอนไดออกไซด์จะถูกขับออกทางลมหายใจ ส่วนน้ำเก็บไว้ใช้ต่อไป
ตอนนี้กรดแลคติคยังไม่แผลงฤทธิ์ เพราะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย นั้นคือออกซิเจน
แต่ยามใดที่คนดีท้อแท้ คนชั่วย่อมมาครองเมือง
เมื่อเราออกกำลังกายไปเรื่อยๆ หนักขึ้น หนักขึ้น นานเข้านานเข้า
ออกซิเจนพระเอกของเราไม่เพียงพอ การเผาผลาญพลังงานจะกลายเป็นแบบ อแนร์โรบิค
คือไม่ใช่ออกซิเจน เซลล์กล้ามเนื้อจะรับพลังงานมาจากไกลโครเจน
แทนที่จะเป็นกลูโคสในเลือด เรียกว่า กระบวนการ Glycolysis
ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไกลโครเจนมีการสลายตัวเป็นชั้นๆ จาก ไกลโครเจนจะกลายเป็น
น้ำตาลกลูโคสและฟรุตโตส จนได้เป็นกรด ไพรูวิก 2 โมเลกุลในที่สุด
และเมื่อเราออกกำลังกายไปเรื่อยๆ กรดไพรูวิกก็จะกลายเป็นกรด แลคติค นั้นเอง
เมื่อออกกำลังกายหนักขึ้น กรดแลคติคก็เพิ่มขึ้น
จนกระทั่งเราจะรู้สึกปวดบริเวณกล้ามเนื้อ
มันเป็นสัญญาณจากร่างกายเราบอกว่าพอได้แล้ว ไปพักผ่อนหน่อยเถอะ พอถึงตอนนี้
ทางออกเดียวที่ควรทำ คือหยุดออกกำลังเสีย แต่หากไม่ยอมหยุด
อาจจะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า การชนกำแพง ซึ่งเป็นอาการที่ วิ่งไม่ออก หมดเรี่ยวแรง
ถ้าให้เตะปี๊ปตอนนั้น คงไม่ดัง เหตุที่เกิดเพราะวิ่งจนกล้ามเนื้อใช้ไกลโครเจนหมดไป
จนไปเผาผลาญกล้ามเนื้อเอง ถึงตรงนี้ต้องพักยาวแน่ ที่นี้
เราก็สามารถชะลอฤทธิ์ของกรดแลคติคได้ โดยการฝึกสม่ำเสมอ
ทำให้ร่างกายสะสมไกลโครเจนมากขึ้น จะสังเกตว่า
พวกที่วิ่งสม่ำเสมอจะเมื่อยช้ากว่าพวกที่พึ่งออกกำลังกายเห็นๆ
สืบเนื่องจากการสะสมไกลโครเจนนี้เอง
นอกจากนี้ การ cool down
ก่อนจะที่จะหยุดการออกกำลังกายนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการลดผลกระทบจากกรดแลกติด
ไม่ใช่ หยุดออกกำลังกายทันที ให้ค่อยๆหยุด เช่น จากวิ่ง ก็เปลี่ยนเป็นเดินสักรอบ 2
รอบก่อน แล้วค่อยหยุดออกกำลังกาย อย่างนี้เป็นต้น