ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
» อินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ต
» อุปกรณ์ที่ใช้การสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์
» การทำงานแบบบัฟเฟอร์ (Buffering)
» ระบบสพูลลิ่ง (Spooling System)
» ระบบมัลติโปรแกรมมิ่ง (Multiprogramming)
» ระบบแบ่งเวลา (Time-Sharing System)
» ระบบเรียลไทม์ (Real-Time System)
» ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือพีซี (Personal Computer Systems)
» ระบบมัลติโปรเซสเซอร์ (Multipocessor System)
» ระบบแบบกระจาย (Distributer System)
เน็ตเวิร์ค (Networking)
ระบบปฏิบัติการมีหน้าที่เพิ่มเติมในการจัดการทางด้านเน็ตเวิร์ค
โดยเฉพาะแบบกระจายที่เป็นการทำงานของโปรเซสเซอร์ที่ไม่มีการแชร์หน่วยความจำ,
ดีไวซ์ต่าง ๆ , หรือแม้แต่สัญญาณนาฬิกา โดยที่แต่ละโปรโซสเซอร์จะมีหน่วยความจำ
และสัญญาณนาฬิกาเป็นของตัวเองและมีการติดต่อระหว่างโปรเซสเซอร์ผ่านทางสายสื่อสาร
โดยใช้ระบบบัสที่มีความเร็วสูง หรืออาจจะใช้คู่สายโทรศัพท์สาย UTP ก็ได้
โปรเซสเซอร์ในระบบจะเชื่อมต่อผ่านเน็ตเวิร์คซึ่งสามารถปรับแต่งได้หลายรูปแบบ
การออกแบบเน็ตเวิร์คจะต้องคำนึงถึงเส้นทางการเดินของข้อมูล,
จุดเด่นจุดด้อยในการเชื่อมต่อแบบนั้น, ข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ระบบป้องกัน(Protecion System)
ระบบปฏิบัติการจำเป็นต้องมีการป้องกันในกิจกรรมหรือโปรเซสที่อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้
เช่น ระบบที่มีการเบิกถอนเงินในสาขาต่าง ๆ พร้อมกัน เป็นต้น
จุดประสงค์หลักของการนี้จะต้องมีกลไกที่ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า ทั้งไฟล์,
หน่วยความจำ, ซีพียู, และรีซอร์สอื่นๆ
จะมีโปรเซสเกิดขึ้นได้เฉพาะคนที่ได้รับอนุญาตจากระบบเท่านั้น
คำว่าการป้องกัน หมายถึงกลไกที่ใช้ในการควบคุมการแอ็กเซสโปรแกรม,
การโปรเซสและควบคุมผู้ใช้จากดีไวซ์ที่กำหนดโดยระบบคอมพิวเตอร์
กลไกนี้จะต้องกำหนดคุณสมบัติของการควบคุมและการบังคับอีกด้วย
รีซอร์สที่ไม่ได้มีการป้องกันจะไม่สามารถป้องกันการใช้งานจากผู้ใช้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ได้
ดังนั้นระบบป้องกันก็คือระบบที่ควบคุมการใช้งานจากผู้มีสิทธิ์ และไม่มีสิทธิ์
ระบบตัวแปลคำสั่ง
ตัวแปลคำสั่งนี้เป็นการอินเทอร์เฟซระหว่างผู้ใช้กับระบบปฏิบัติการ
บางระบบปฏิบัติการจะมีตัวแปลคำสั่งอยู่ใน kernel เลย แต่ในบางระบบ เช่น DOS และ
UNIX จะมีโปรแกรมพิเศษที่รันเมื่องานเริ่มต้น
หรือเมื่อผู้ใช้เริ่มล็อกเข้าระบบครั้งแรก
โดยในคำสั่งส่วนใหญ่จะมีคอนโทรลสเตทเมนต์ที่คอยส่งไปให้ระบบปฏิบัติการ
เมื่อเริ่มงานใหม่ในแบบงานแบ็ตซ์
หรือเมื่อผู้ใช้ล็อกเข้าระบบจะมีการเอ็กซิคิวซ์โปรแกรมที่อ่านและแปลคำสั่งคอนโทรบสเตทเมนต์อย่างอัตโนมัติ
คนทั่วไปรู้จักในชื่อ shell จะมีฟังก์ชันที่ธรรมดามากคือ
นำคำสั่งต่อไปเข้ามาเอ็กซิคิวต์
เซอร์วิสของระบบปฏิบัติการ (Operating System Services)
เซอร์วิสพื้นฐานที่น่าสนใจของระบบปฏิบัติการมีดังนี้
- การเอ็กซิคิวต์โปรแกรม
ระบบจะต้องโหลดโปรแกรมและข้อมูลลงสู่หน่วยความจำก่อนใช้งาน
และจะสิ้นสุดการเอ็กซิคิวต์ได้ตามปกติ ถ้าผิดพลาดจะแสดงแมสเสจแจ้งเตือน
- การปฏิบัติกับอินพุต/เอาต์พุต
ระบบอาจจะความต้องการติดต่อหรือต้องการใช้อินพุต/เอาต์พุต หรือใช้ดีไวซ์พิเศษ
- การจัดการกับระบบไฟล์ สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์และระบบปฏิบัติการ
- การติดต่อสื่อสาร จะช่วยสื่อสารระหว่างโปรเซส
การสื่อสารอาจจะใช้หน่วยความจำที่แชร์อยู่ หรืออาจใช้เทคนิคที่เรียกว่า
แมสเสจพาสซิง ซึ่งเป็นการย้ายเพ็กเกจของข้อมูลระหว่างโปรเซสในระบบปฏิบัติการ
- การตรวจจับข้อผิดพลาด ช่วยป้องกันข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ระบบปฏิบัติการจะแสดงแอ็กชันที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขให้ต่อไป
- การแชร์รีซอร์ส ในกรณีมีงานเข้ามาหลายงานในเวลาเดียวกัน
ระบบปฏิบัติการจะต้องการมีแชร์รีซอร์สให้เหมาะสม มีฟังก์ชันสำหรับจัดเวลาของซีพียู
- การป้องกัน ระบบปฏิบัติการจะให้อำนาจในการใช้รีซอร์สในลักษณะรหัสผ่าน
System Calls
System Calls จัดเป็น 5 กลุ่มหลักคือ
-
การควบคุมโปรเซส กลุ่มนี้เป็นการควบคุมโปรเซสทั้งหมด
ขณะที่กำลังเอ็กซิคิวต์โปรแกรมอยู่นั้นอาจจะต้องการหยุดโปรเซสในลักษณะการหยุดปกติ,
การหยุดแบบไม่ปกติ, โหลดข้อมูลเพิ่มเติม ฯลฯ
- การจัดการกับไฟล์ จะจัดการเกี่ยวกับไฟล์ทั้งหมด
- การจัดการดีไวซ์ กลุ่มนี้เป็นการจัดการดีไวซ์ในระบบเมื่อมีโปรเซส
ระบบอาจจะเรียกใช้ดีไวซ์เพิ่มเติม
- การบำรุงรักษาข้อมูล กลุ่มนี้จะตอบสนองงานหลักของระบบปฏิบัติการ
ในระบบส่วนใหญ่จะมีการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับระบบปฏิบัติการ
- การติดต่อสื่อสาร การติดต่อสื่อสารระหว่างโปรเซสมี 2 รูปแบบ
คือระหว่างโปรเซสในระบบคอมพิวเตอร์เดียวกัน
และการติดต่อสื่อสารระหว่างระบบคอมพิวเตอร์เข้ามเน็ตเวิร์คเอง
กลุ่มนี้จะเป็นการเชื่อมต่อ ,รับ-ส่งแมสเสจ เป็นต้น