ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์
ประวัติเครื่องสำอาง
การศึกษาประวัติของเครื่องสำอาง
คำจำกัดความของเครื่องสำอาง
คุณลักษณะเครื่องสำอาง
ประเภทของเครื่องสำอาง
การศึกษาประวัติของเครื่องสำอาง
การศึกษาประวัติของเครื่องสำอาง อาจแบ่งตามยุคต่างๆ ตามประวัติศาสตร์สากลของโลก
ได้ดังนี้
ยุคอียิปต์หรือยุคก่อนคริสตกาล
นักโบราณคดียกย่องให้ชาวอียิปต์เป็นชาติแรก ที่รู้จักคิดค้นและผลิตเครื่องสำอาง
เนื่องจากมีการค้นพบหลักฐานทางโบราณวัตถุที่เก่าแก่
และร่องรอยในการทำพิธีกรรมทางศาสนา และการบูชาเทพเจ้าต่างๆ ในสมัยนั้น
โดยได้มีการเผาเครื่องหอมหรือกำยาน และมีการใช้เครื่องเทศ สมุนไพร และน้ำมันต่างๆ
สำหรับรักษาคงสภาพของศพไว้ เพราะมีความเชื่อว่า
วิญญาณของคนที่ตายแล้วจะกลับมาเกิดใหม่ในร่างเดิมอีกครั้ง
ในความเป็นจริงประเทศจีน
น่าจะเป็นชาติแรกที่มีการผลิตเครื่องสำอางขึ้นมาใช้
แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในการยืนยัน
จึงถือว่าประเทศอียิปต์เป็นชาติแรกที่มีการผลิตเครื่องสำอางขึ้นมาใช้
โดยนักโบราณคดีได้ค้นพบหลักฐาน ดังต่อไปนี้
- ที่ฝังพระศพของกษัตริย์องค์แรกในราชวงศ์เทไนท์ (Thenite) นักโบราณคดี
ได้ค้นพบภาชนะที่ใช้บรรจุผงสำหรับทาเปลือกตา เรียกว่า Kohl ซึ่ง
ทำมาจากผงเขม่าผสมกับพลวง โดยเครื่องสำอางที่พบนี้ น่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 3,500 ปี
ก่อน คริสตกาล
- ที่ฝังพระศพของกษัตริย์องค์ที่ 18 มีการค้นพบดินสอเขียนคิ้วและขอบตา (Stibium
pencil) ซึ่งทำมาจาก แอนทิโมนี ซัลไฟด์ (antimony sulfide) นอกจากนี้ยังมีการค้นพบ
ภาพเขียนในกระดาษพาพีรูส (papyrus) แสดงรูปผู้ชายผู้หญิงใส่เครื่องประดับผม
เรียกว่า นาร์ด (Nard) บนศีรษะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ชาวอียิปต์ในสมัยนั้น
รู้จักการเสริมสวยแล้ว 1,500 ปี ก่อนคริสตกาล
- ที่ฝังพระศพของกษัตริย์ทูทันคาเมน (Tutankhamen) นักโบราณคดีชื่อ ฮอเวิร์ด คาร์เตอร์ (Howard Carter) ได้ค้นพบเครื่องสำอางมากมายหลายชนิด รวมทั้งน้ำมันหอมชนิดต่างๆ จากกษัตริย์องค์นี้ เมื่อ 1,350 ปี ก่อนคริสตกาล
ยุคโรมัน
ในยุคที่โรมันเรืองอำนาจ
ชาวโรมันได้เข้าไปครอบครองกรีกและอียิปต์ ไปจนถึง เมืองอเล็กซานเดรีย
บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ยุคนี้คือ จูเลียส ซีซาร์ (Jullius Caesar)
มาร์ค แอนโทนี (Marcus Antonius) และ พระนางคลีโอพัตราที่ 7 (Cleopatra VII)
ซึ่งพระนางคลีโอพัตรา รู้จักการเสริมสวยทำให้เป็นที่ดึงดูดใจแก่ผู้พบเห็น
และยังเป็นผู้คิดค้นเครื่องสำอางหลายประเภทชาวโรมันได้รับอิทธิพลจากชาวกรีกและชาวอียิปต์
จึงทำให้รู้จักศิลปะการใช้เครื่องสำอาง และการแต่งกาย
ยุคมืด
หลังจากอาณาจักรโรมันได้เสื่อมอำนาจลง เนื่องจากเกิดสงครามทางศาสนา ความ
เจริญก้าวหน้าทางเครื่องสำอางก็หยุดชะงัก แต่ในขณะเดียวกัน
ในโลกตะวันออกกลับมีความเจริญก้าวหน้าของศิลปะการใช้เครื่องสำอาง
นำโดยประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งได้ทำการค้าติดต่อกับประเทศทางยุโรป
ผ่านทางเอเชียไมเนอร์ หรือเอเชียตะวัตกเฉียงใต้ โดยมีการซื้อขายสินค้าต่างๆ เช่น
เครื่องเทศ ผ้า รวมทั้งเครื่องสำอาง
ยุคอิสลาม
ยุคอิสลามอยู่ในช่วง คริสต์ศตวรรษที่ 7 12
หลังจากเสร็จสิ้นสงครามหลายศตวรรษ
ความเจริญก็ได้เกิดขึ้นบริเวณเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ หรือเอเชียไมเนอร์
ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวอาหรับ
ในยุคนี้เป็นยุคของการเกิดศาสดาของศาสนาอิสลาม คือ พระมะหะหมัด
การเผยแพร่ศาสนาอิสลาม ทำให้สามารถรวมรวบอาณาจักรตั้งแต่ซีเรียจดประเทศอียิปต์
และยังข้ามไปทวีปแอฟริกาไปยึดครองประเทศสเปนและยุโรปบางส่วนได้ ชาวอาหรับมีข้อดีคือ
เมื่อสามารถยึดครองประเทศใดได้ จะไม่เผาทำลายบ้านเมือง
แต่จะนำเอาวิชาการของประเทศนั้นๆ มาใช้
ในยุคนี้มีบุคคลที่มีความสำคัญต่อวงการเครื่องสำอางคือ อิบน์ ซีนา (Ibn Sina)
เป็นชาวเปอร์เซียที่ค้นพบวิธีการกลั่นน้ำหอมจากดอกกุหลาบ (rose water)
อีกคนหนึ่งคือ อาบู มอนเซอ มูวาฟแฟส (Abu Monsur Muwaffax)
เป็นเภสัชกรชาวเปอร์เซียที่ค้นพบความมีพิษของทองแดงและตะกั่วในเครื่องสำอาง
และยังค้นพบว่า สามารถใช้แคลเซียมออกไซด์ (CaO) ในการกำจัดขน อีกคนที่สำคัญก็คือ
อูมาร์ อิบน์ อัล-อาดิม (Umar Ibn Al-Adim) เป็นนักประวัติศาสตร์และครู ชาวซีเรีย
ได้เขียนคู่มือเกี่ยวกับการทำน้ำหอมไว้มากมาย ยุคอิสลามนี้เรืองอำนาจอยู่ 300 ปี
ก็เสื่อมอำนาจลงเนื่องจากแพ้สงครามแก่ชาวคริสเตียนในประเทศสเปนและหมู่เกาะซิซิลี
ยุคยุโรปเริ่มเฟื่องฟู
ยุคยุโรปเริ่มเฟื่องฟูนี้
อยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 10
โดยเริ่มแรกความเจริญรุ่งเรืองจะอยู่บริเวณยุโรปตอนใต้
แถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน
แต่หลังจากที่มีการเผลแพร่ศาสนาคริสต์เข้าสู่ประเทศในยุโรป
ก็ได้มีการเผยแพร่อารยธรรมและวัฒนธรรมเข้าไปด้วย
โดยถือว่ากรุงโรมเป็นศูนย์กลางที่ได้รับการเผยแพร่อารยธรรมและวัฒนธรรม
ยุคยุโรปก้าวหน้า
ยุคยุโรปก้าวหน้า ถือเป็นยุคทองของยุโรป
อยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 16
เป็นยุคที่ชาวยุโรปเริ่มมีการแสวงหาความรู้ทุกสาขาวิชา
ได้มีการเปิดสถานที่ในการสอนวิทยาการทางการแพทย์และเภสัชกรรม
โดยตั้งโรงเรียนที่เมืองซาลาโน (Salarno) และเปิดมหาวิทยาลัย ที่เมืองเนเปิลส์
(University of Naples) และมหาวิทยาลัยแห่งโบโลญา (University of Bologna)
ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการรักษาโดยการทำศัลยกรรมเป็นแห่งแรก
และมีความเกี่ยวข้องกับเครื่องสำอาง
ในยุคนี้ เป็นยุคที่ชาวยุโรป
มีความรู้ในการผลิตน้ำหอมจากพืชและสัตว์บางชนิด และสามารถทำรูจ (rouge)
สำหรับทาแก้มจากดินสีแดงที่เรียกว่า ซินนาบาร์ (cinnabar) ซึ่งมีไอร์ออน ออกไซด์
เป็นองค์ประกอบ นอกจากนี้ ยังสามารถทำแป้งทาหน้าจาก เลดคาร์บอเนต
และรู้จักการทำน้ำมันแต่งผมจากน้ำมันพืชและน้ำมันดินจากธรรมชาติ