ศิลปะ หัตถกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม สันทนาการ

บัว

คติความเชื่อเรื่องบัว
รูปแบบบัว
การใช้ฐานบัวกับอาคารพระอุโบสถและพระวิหาร
บัวองค์ประกอบเจดีย์ และพระปรางค์

คติความเชื่อเรื่องบัว

คติความเชื่อเรื่องบัวในศาสนาพุทธลัทธิมหายานลัทธิหินยาน มีคติความเชื่อและเรื่องราวของดอกบัวและสระบัวปรากฏอยู่มากมายใน พุทธประวัติ ชาดก พระสูตร และตำนานต่างๆ และมีความหมายตามนัยยะต่างๆดังนี้

  • ดอกบัว เป็นสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นนิมิตหมายที่บอกให้รู้ถึงผู้ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกัลป์หนึ่งๆ
  • ดอกบัว เป็นทิพยปทุมชาติที่มีปาฏิหาริย์ เป็นเครื่องรองรับมหาบุรุษ หรือผู้มีบุญญาธิการอันสูงส่ง
  • ดอกบัว เป็นดอกไม้ที่มีความสำคัญทางพุทธศาสนา
  • ดอกบัว เป็นนิมิตที่บังเกิดในวาระสำคัญ คือเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกจนเข้าสู่พระนิพพาน
  • ดอกบัว เป็นดอกไม้สำหรับบุคคลผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา

คติความเชื่อเรื่องบัวในศาสนาพุทธลัทธิมหายาน
ในลัทธิมหายานมีความเชื่อว่า จำนวนดอกบัวซึ่งเบ่งบานขึ้นบนสวรรค์จะเป็นเครื่องบอกถึงการสร้างบุญบารมี ของผู้ที่จะขึ้นมาจุติบนสวรรค์ว่า เป็นผู้สำเร็จญาณในขั้นใด

  • สระบัวในดินแดนสุขาวดีมีดอกบัวขนาดใหญ่ที่มีพระธยานิพุทธเจ้าประทับอยู่
  • ดอกบัวเป็นที่กำเนิดของอัจฉริยะบุคคลผู้วิเศษและสำคัญทางศาสนา
  • ดอกบัวเป็นดอกไม้พุทธบูชา
  • ดอกบัวเป็นอาสนะและเป็นเครื่องอุปโภคของพระโพธิสัตว์ต่างๆรวมทั้งนางศักติ

  คติความเชื่อเรื่องบัวในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูให้ความสำคัญกับดอกบัวเป็นอย่างมาก ถือว่าดอกบัวเป็นโลกจักรวาล และดอกบัวมีกำเนิดอันเป็นทิพย์ ดังนี้

  • ดอกบัวเป็นดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับการกำเนิดของเทพเจ้าทั้งหลาย
  • ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์และเป็นเครื่องอุปโภคที่สำคัญของเทพเจ้า
  • ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์
  • ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ และความบริสุทธิ์

คติความเชื่อดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดรูปแบบงานศิลปกรรมมากมาย ที่ช่างได้จินตนาการสร้างสรรค์จากคติความเชื่อที่เป็นนามธรรม ให้ออกมาเป็นรูปธรรมโดยมีบัวเป็นองค์ประกอบในรูปแบบของงานศิลปกรรมด้านต่างๆ มากมายทั้งที่เป็นรูปแบบของดอกบัว และแบบที่ไม่เป็นรูปแบบของดอกบัวเป็นแต่เพียงนำเอาส่วนโค้งส่วนเว้าของดอกบัวที่เรียกว่า ลวดบัว มาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปกรรมหลายแขนง เช่น สถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และประณีตศิลป์ ฯลฯ อันเป็นคติความเชื่อที่ปรากฏในโบราณวัตถุ และโบราณสถาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

จากการที่ไทยรับเอาคติความเชื่อทางศาสนาที่มีทั้งพุทธหินยาน พุทธมหายาน และพราหมณ์-ฮินดูเข้ามาเป็นหลักยึดถือตั้งแต่ศาสนาดังกล่าวแพร่มาสู่ดินแดนแถบนี้ เนื่องจากลัทธิศาสนาดังกล่าว จะผันแปรไปตามยุคสมัยที่ผู้นำประเทศนำมาเป็นเครื่องยึดถือปฏิบัติ หรือการแผ่ขยายอำนาจของประเทศข้างเคียงที่นับถือศาสนานั้นๆนำเข้ามา ตามความเชื่อถือของแต่ละคน ด้วยเหตุนี้คติความเชื่อต่างศาสนาที่รับเข้ามาเป็นเวลานาน จึงถูกนำมาผสมผสานกลมกลืนกับพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาหลักจนแยกกันไม่ออกว่า ดังจะเห็นได้จากคติการสร้างวัดทางพุทธศาสนา แต่ผสมผสานคติความเชื่อทางมหายานด้วยการสร้างรูปทรงอาคาร หรือฐานอาคารของพระอุโบสถ วิหาร ให้มีลักษณะแอ่นโค้งเหมือนเรือสำเภา ด้วยคติความเชื่อที่ว่าเรือสำเภาจะเป็นพาหนะที่พาสัตว์โลกข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากที่สุด อันเป็นปณิธานของพระโพธิสัตว์ ในลัทธิมหายาน หรือ การตกแต่งหน้าบันอาคารทางศาสนา ด้วยลวดลายปูนปั้น เช่นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ พระนารายณ์ทรงสุบรรณ พระอินทร์ทรงช้าง หรือพระอาทิตย์ทรงรถม้า เป็นต้น ซึ่งเทพดังกล่าวล้วนเป็นเทพที่สำคัญในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ทั้งนี้เพราะคติเทวราชา หรือสมมติเทพของพระมหากษัตริย์ในคติของพราหมณ์ เป็นคติความเชื่อที่อยู่กับคนไทยมานาน รวมทั้งประเพณี พิธีกรรมต่างๆของพระมหากษัตริย์ล้วนมีทั้งพราหมณ์และพุทธปะปนกันไป ซึ่งคติความเชื่อดังกล่าวก่อให้เกิดรูปแบบทางสถาปัตยกรรมในรูปแบบต่างๆ และมีวิวัฒนาการไปตามยุคสมัย

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย