สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
มานุษยวิทยา
มานุษยวิทยา (Anthropology)
เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับสปีซีส์หรือวงวารของมนุษย์โดยเฉพาะ
วิชามานุษยวิทยาเปรียบเสมือนกระจกเงาที่ส่องให้เราเห็นมนุษยชาติทั่วโลก
ทำให้มองตัวเองในแง่มุมต่างๆได้
นอกจากนั้นมานุษยวิทยายังเป็นวิชาที่เน้นศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างของมนุษยชาติในทุกรูปแบบ
ไม่ว่าในแง่จิตวิทยา แง่ชีววิทยาหรือในแง่วัฒนธรรม
นักมานุษยวิทยาศึกษามนุษยชาติทุกหนทุกแห่งทั้งอดีตและปัจจุบัน
วิชามานุษยวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ทั่วโลก
คำถามสำคัญของวิชานี้คือ : อะไรทำให้เราเป็นมนุษย์
การเป็นมนุษย์หมายความว่าอย่างไร มนุษย์มีวิวัฒนาการทางกายภาพและวัฒนธรรมมาอย่างไร
ทำไมคนจึงมีพฤติกรรมเหมือนที่พวกเขากำลังกระทำอยู่
และอะไรทำให้เราแตกต่างไปจากมนุษย์ในสังคมอื่นๆที่มีระบบความเชื่อต่างกันไป เป็นต้น
นักมานุษยวิทยาใช้แนวทาง ภาพรวม หรือ ทุกแง่มุม (Holistic
Approach) เพื่อศึกษาประสบการณ์ของมนุษย์
พวกเขาจึงสนใจในกิจกรรมของมนุษย์ในทุกแง่มุมของชีวิต เช่น
ศึกษาชีวิตประจำวันและเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ศึกษาวิธีการต่างๆที่มีมารดาเลี้ยงดูทารก การที่บิดามารดาอบรมเลี้ยงดูลูกๆของเขา
นักมานุษยวิทยาไม่สนใจแต่เพียงว่ามนุษย์ในสังคมต่างๆมีวิธีทำมาหากินอย่างไรบ้าง
แต่ยังค้นหาถึงกฎเกณฑ์ต่างๆในการบริโภคสิ่งต่างๆด้วย
พวกเขาสนใจว่ามนุษย์ในสังคมต่างๆ คิดถึงกาลเวลาและพื้นที่อย่างไรบ้าง
สนในในสุขภาพอนามัยและการรักษาพยาบาลในรูปแบบต่างๆกันไป
สนใจร่างกายมนุษย์และปัจจัยทางวัฒนธรรมที่มีผลกระทบต่อลักษณะทางกายภาพของมนุษย์
สนใจเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศและการแต่งงาน การให้กำเนิดทารกและความตาย
สนใจนิทานชาวบ้านและนิยายปรัมปรา การหาเสียงทางการเมือง การสนทนาประจำวัน
พิธีกรรมต่างๆ และแม้แต่การทักทายกันโดยทั่วไป
นักมานุษยวิทยาถือว่าพฤติกรรมทุกด้านของมนุษย์มีความสำคัญในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะใช้ความเข้าใจชีวิตของมนุษยชาติทั่วโลกได้
อาจารย์ศรีศักดิ์ วิลลิโภดม (2545 : 24 25)
กล่าวถึงวิชามานุษยวิทยาว่าเป็นวิชาที่คนตะวันตกสร้างขึ้นเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องของความเป็นมนุษย์
โดยหวังว่าเมื่อรู้จักและเข้าใจแล้วก็จะ ทำให้มนุษย์ในโลก
ที่มีความเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่แตกต่างกันในถิ่นกำเนิด
ถิ่นที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิตหรือวัฒนธรรมจะอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น และสันติ
นับเป็นวิชาที่เกิดจากประสบการณ์ของคนตะวันตกโดยแท้
เพราะความก้าวหน้าแบบล้ำยุคทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้คนตะวันตกสามารถเดินทางไปพบดินแดนที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ในภูมิภาคต่างๆของโลก
ได้แลเห็นความเป็นมนุษย์ที่แตกต่างจากพวกตนทั้งในด้านความรู้สึกนึกคิด
ชีวิตความเป็นอยู่และรูปร่างหน้าตา
ในระยะแรกๆของการรับรู้และพบเห็นมนุษย์ในดินแดนและถิ่นอื่นที่แตกต่างไปจากตนนั้น
คนตะวันตกมักคิดว่าตนมีเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ที่เลิศเลอกว่าชนชาติอื่นๆ
ทำให้เกิดความคิดและการกระทำที่แสดงให้เห็นว่าพวกตนคือผู้นำความเจริญของโลกจึงเกิดคนหลายกลุ่ม
หลายเหล่า หลายชาติทางตะวันตกที่สำคัญตนผิดทั้งในด้านดีและชั่วในเวลาเดียวกัน
ด้านดี คือ
พวกที่ไปเที่ยวสอนศาสนาซึ่งอาจมีทั้งบังคับและแนะนำให้คนอื่นเลิกเชื่อถือศาสนาเดิมของตนหันมานับถือพระเจ้าของตนตะวันตก
ก็นับเป็นเจตนาดีอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้เกิดการทำลายและความเสียหายก็มาก
ส่วนที่ชั่วก็คือคนตะวันตกที่แสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า เศรษฐกิจ
และการเมืองที่เข้าไปยึดครองดินแดนและผู้คนในภูมิภาคอื่นๆ
ในยุคล่าอาณานิคมจะสร้างความเจ็บปวดให้แก่มนุษย์ส่วนใหญ่ของโลกก็ว่าได้
แต่จากความชั่วร้ายที่คนตะวันตกพวกหนึ่งสร้างเคราะห์กรรมให้กับมนุษย์ด้วยกันในภูมิภาค อื่นๆของโลกนั้น คนตะวันตกที่มีความคิดดี มีมนุษยธรรมก็ตระหนักถึงความชั่วร้ายของพวกตน จึงเกิดการเคลื่อนไหวทางมนุษยธรรมที่ต่อต้าน ทั้งในด้านการดำเนินการทางองค์กรและการกุศลที่เป็นส่วนตัว เกิดกระบวนการศึกษาเพื่อความเข้าใจในเรื่องความเป็นมนุษย์ขึ้นมา และวิชามานุษยวิทยาก็ถือผลิตผลของกระบวนการเคลื่อนไหวและเรียนรู้เหล่านี้ด้วยเช่นกัน
หัวใจของวิชามานุษยวิทยาอยู่ที่การเห็นมนุษย์มีความสามารถในการเรียนรู้ที่เท่าเทียมกันหมด
ส่วนที่ใครจะเก่งกว่าใคร ดีเลิศกว่าใครนั้น เป็นเรื่องของสภาวะแวดล้อม โอกาส
ความชอบ ความถนัด โดยเฉพาะการมองว่าใครเป็น อัจฉริยะ
นั้นก็ดูเป็นเรื่องของการใช้ค่านิยมของปัจเจกบุคคลหรือของคนบางกลุ่มมาตัดสิน
เพราะคนบางกลุ่มอาจจะเห็นว่าผู้ที่เป็น อัจฉริยะ
นั้นเป็นคนบ้าหรือปัญญาอ่อนได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น สังคมไทยมักจะยกย่องว่าคนที่เรียนเก่งทางวิทยาศาสตร์คือ
พวกที่เป็นอัจฉริยะ จึงให้การสนับสนุนส่งเสริมในการเรียนรู้
เพื่อการค้นพบและการสร้างสรรค์การประดิษฐ์เทคโนโลยีขึ้นมาทั้งๆที่เทคโนโลยีหลายอย่างที่สร้างมานั้น
คือสิ่งที่ทำลายสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
หรือไม่ก็เป็นเครื่องมือและความรู้ของคนที่ชั่วร้ายในสังคมนำไปใช้เพื่อเอาเปรียบคนอื่นๆที่ด้อยโอกาสกว่า
ซึ่งแต่ก่อนแล้วถ้าเป็นคนตะวันตกก็จะต้องออกมาศึกษากลุ่มคนต่างวัฒนธรรม
ต่างเผ่า ต่างพันธุ์ นอกประเทศที่ตนอยู่
แล้วนำเอาเรื่องที่ตนเห็นตนได้ศึกษาวิเคราะห์
มาเขียนเป็นผลงานการวิจัยหรือการค้นคว้าให้เป็นความรู้แก่ผู้อื่น
นักศึกษาทางมานุษยวิยาก็จะเรียนรู้เรื่องราวของมนุษย์ในสังคมอื่นและวัฒนธรรมอื่น
จากผลงานเหล่านี้ซึ่งอาจมีทั้งแนวคิดทฤษฎีและเนื้อหา
แต่เท่านี้ยังพบว่าไม่พอเพียงต้องออกไปมีประสบการณ์ทางภาคสนามด้วย
การเรียนหรือรับฟังเรื่องราวจากเอกสาร
หรือสิ่งที่ผู้อื่นเขียนไปอ่านนั้นไม่มีทางที่จะเข้าใจในเรื่องความเป็นมนุษย์ได้
หากต้องเรียนรู้ด้วยตนเองในลักษณะที่รู้จักตนเองท่ามกลางการอยู่ร่วมกับผู้อื่นเป็นสำคัญ
» ความเป็นมาของวิชามานุษยวิทยา
» ความหมายและขอบข่ายของวิชามานุษยวิทยา
» สาขาย่อยของวิชามานุษยวิทยาและตัวอย่างงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
» ชาติพันธุ์วิทยาหรือมานุษยวิทยาวัฒนธรรม
» การศึกษามานุษยวิทยาในประเทศไทยและสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้อง
» แนวคิดและทฤษฎีทางมานุษยวิทยา