สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>

สังคมวิทยา

<<< สารบัญ >>>

การจัดระเบียบทางสังคม (Social Organization)

การอบรมให้เรียนรู้ระเบียบของสังคม (Socialization)

ความหมาย

ตามความหมายของ Bogadus การอบรมให้เรียนรู้ระเบียบของสังคมเป็นกระบวนการการทำงานร่วมกันหรือเป็นกระบวนการกลุ่มที่พัฒนาความรับผิดชอบ ให้กับคนในสังคม เพื่อความอยู่รอดในการดำเนินชีวิต

ประสาท หลักศิลา ได้อธิบายไว้ว่า “เป็นกระบวนการที่ทำให้คนซึ่งใน ตอนแรกมีสภาพเป็นอินทรีย์ทางชีววิทยาเปลี่ยนแปลงมาเป็นคนซึ่งมีความรู้สึกในเรื่องพวกเดียวกัน มีความสามารถในการอยู่เป็นระเบียบ มีคุณธรรมต่าง ๆ และมีความทะเยอทะยาน

เมื่อมองในแง่ของสังคมแล้ว การอบรมให้เรียนรู้ระเบียบสังคม ก็คือ การถ่ายทอดวิถีวัฒนธรรมและการทำให้ปัจเจกชน สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสมในสังคมที่ได้มีการจัดระเบียบอย่างดีแล้ว การอบรมให้เรียนรู้ระเบียบของสังคมเป็นกระบวนการที่จะต้องกระทำตลอดอายุขัยของชีวิตมนุษย์เลยทีเดียว คือ เริ่มตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้ใหญ่ นอกจากนั้น ในขณะที่ปัจเจกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในรูปของสังคมใหม่และสถาบันใหม่ เขาก็จะต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ใหม่และยอมรับค่านิยมใหม่และในขณะเดียวกับที่พ่อแม่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนสำคัญในการเลี้ยงดูเด็ก ตัวพ่อแม่เองก็ต้องได้รับการเรียนรู้ในบทบาทของพ่อแม่และคุณค่าของความเป็นพ่อแม่อีกด้วย

จุดมุ่งหมายของการอบรมให้เรียนรู้ระเบียบของสังคม

1) เพื่อให้มวลสมาชิกได้รู้จักปฏิบัติตนตามบรรทัดฐานและตระหนักถึงสถานภาพและบทบาทอย่างถูกต้อง เพื่อจะได้ปฏิบัติตนในฐานะสมาชิกที่ดีของสังคม

2) เพื่อปลูกฝังทักษะที่จะร่วมกิจกรรมกับผู้อื่นในสังคม เช่น การมี มนุษยสัมพันธ์

3) เพื่อปลูกฝังระเบียบวินัยหรือพฤติกรรมที่จำกัดความพอในปัจจุบัน เพื่อการยอมรับของสังคม เช่น วิธีการรับประทานอาหาร นิสัยการอาบน้ำชำระร่างกาย

4) ปลูกฝังความมุ่งหวังและค่านิยมแก่สมาชิกในสังคม เช่น แรงจูงใจในความสำเร็จในการประกอบอาชีพ ซึ่งจะทำให้บุคคลยอมรับที่จะดำเนินชีวิตตามกติกาและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของสังคมที่ได้วางไว้

5.3 องค์กรที่อบรมให้เรียนรู้ระเบียบแบบแผนของสังคม

1) ครอบครัว ครอบครัวจัดเป็นองค์กรในการให้การอบรมให้เรียนรู้ระเบียบของสังคมที่สำคัญ ทั้งนี้เพราะมีความใกล้ชิดกับเด็กและสมาชิกของครอบครัวและอยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน จึงทำหน้าที่อบรมสั่งสอนได้ตลอดเวลา ประกอบกับ ครอบครัวมีหน้าที่สำคัญในการอบรมเลี้ยงดูเด็กอยู่ด้วยและวัยเด็กเป็นวัยที่มีผลมาก ต่อการสร้างบุคลิกภาพรวมทั้งอารมณ์และจิตใจของเด็ก

ครอบครัวจะเป็นแหล่งอบรมสั่งสอนถ่ายทอดวัฒนธรรม ค่านิยม ทัศนคติ และหลักการดำเนินชีวิตเบื้องต้น

2) กลุ่มเพื่อน เมื่อเด็กโตขึ้นก็จะเข้าร่วมสังคมกับเพื่อน ๆ เช่น กับเพื่อนบ้าน เพื่อนที่สนามเด็กเล่น เพื่อนที่โรงเรียน กลุ่มเพื่อนมีอิทธิพลสำคัญต่อพฤติกรรมของเด็กเช่นกัน เด็กอาจเรียนแบบอย่างเพื่อน ดังนั้น ถ้าเด็กได้คบกับเพื่อนดีจะได้รับ แบบอย่างที่ดี ในทางตรงกันข้าม หากคบเพื่อนไม่ดีย่อมมีพฤติกรรมไม่ดีด้วย กลุ่มเพื่อนจะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่อาจไม่ได้รับจากครอบครัวหรือผู้ใหญ่ เช่น เพศศึกษา ความเสมอภาค ความเป็นตัวของตัวเอง ความเป็นผู้นำ ซึ่งเด็กอาจนำเอาพฤติกรรมต่าง ๆ ของเพื่อนมาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติของตนเอง

3) โรงเรียน โรงเรียนเป็นหน่วยอบรมสั่งสอนระเบียบแบบแผนของสังคมอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันโรงเรียนมีอิทธิพลต่อการพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กมาก เพราะเด็กในปัจจุบันนี้มีชีวิตอยู่ในโรงเรียนเป็นเวลานาน วันละหลาย ๆ ชั่วโมงและหลายปี

เมื่อพิจารณาถึงหน้าที่ของโรงเรียนโดยทั่วไปแล้ว โรงเรียนจะทำหน้าที่สำคัญ 2 ประการด้วยกัน คือ

1. สอนให้มีความรู้และทักษะในการดำรงชีพ
2. อบรมสั่งสอนเพื่อให้เป็นพลเมืองดี มีความจงรักภักดีต่อชาติ มีจรรยามรรยาทอันดีงาม นอกจากนั้น โรงเรียนยังเปิดโอกาสให้เด็กได้ใกล้ชิดสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เป็นระยะเวลานานทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้ระเบียบแบบแผนของสังคม ได้มากขึ้น

4) สื่อสารมวลชน ได้แก่ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ หนังสือพิมพ์ สิ่งตีพิมพ์ ต่าง ๆ วิทยุ และอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้จะเป็นสื่อนำให้เกิดค่านิยม ความเชื่อ ทัศนคติ และ ได้เรียนรู้พฤติกรรมแบบอย่างต่าง ๆ แล้วนำประพฤติปฏิบัติในสังคม ดังจะพบเห็น ได้ง่าย ๆ ในหมู่เด็กที่ชมภาพยนต์แล้วนำเอาพฤติกรรมการแสดงของผู้แสดงมาปฏิบัติ สื่อสารมวลชนนับว่ามีอิทธิพลและมีบทบาทต่อการอบรมให้เรียนรู้ระเบียบแบบแผนของสังคมมากเช่นกัน

5) สถาบันทางสังคมและองค์กรอื่น ๆ เช่น สถาบันทางศาสนา สมาคม มูลนิธิ เป็นต้น สถาบันทางศาสนามีบทบาทสำคัญต่อการอบรมให้เรียนรู้ระเบียบ แบบแผนของสังคมโดยเฉพาะในสังคมไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่า วัดเป็นหน่วยทางสังคมที่ใกล้ชิดกับชาวบ้าน ชาวบ้านอาศัยเป็นแหล่งอบรมทางจิตใจ แหล่งการศึกษาหาความรู้ เป็นแหล่งให้การอบรมลูกหลาน จึงจัดเป็นหน่วยนำทางระเบียบแบบแผนในการดำเนินชีวิตที่สำคัญ นอกจากนั้น ยังมีหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยในการอบรมให้เรียนรู้ระเบียบแบบแผนของสังคม เช่น ยุวพุทธิกสมาคม ศูนย์พัฒนาเยาวชน



บุคคลที่จะต้องอบรมให้เรียนรู้ระเบียบแบบแผนของสังคม

บุคคลที่ควรจะได้รับการอบรม ซึ่งพอจะแบ่งตามเกณฑ์อายุดังต่อไปนี้

1) ในวัยเด็ก ระยะแรก ๆ จะเน้นในด้านการตอบสนองความต้องการของทารก เช่น การให้อาหาร การให้ความอบอุ่น เมื่อเติบโตขึ้นก็จะเริ่มสอนคลาน นั่ง ยืน เดิน พูด ในช่วงระยะนี้ จะเริ่มอบรมให้รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ถ้าผิดพ่อแม่ก็จะแสดงอาการดุหรือส่งเสียงว่ากล่าว เด็กจะเรียนรู้กิริยาอาการพอใจหรือไม่พอใจของผู้ใหญ่และจะจดจำ เพื่อว่าเมื่อเห็นลักษณะอาการเช่นนั้นอีกจะได้ไม่ทำเช่นนั้น นั่นคือ เด็กจะเริ่ม รู้จักควบคุมความต้องการและความประพฤติมากขึ้นเรื่อย ๆ

2) ในวัยหนุ่มสาว การอบรมให้เรียนรู้ระเบียบแบบแผนของสังคม ส่วนใหญ่จะได้จากกลุ่มเพื่อนเล่นในโรงเรียน วัยนี้มักจะเอาอย่างเลียนแบบผู้อื่น

3) วัยผู้ใหญ่ การอบรมผู้ใหญ่ให้เรียนรู้ระเบียบแบบแผนของสังคม ก็มีความจำเป็นอยู่บ้าง แม้จะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากแล้วก็ตาม ทั้งนี้ เนื่องจาก บางโอกาสต้องประสบกับสถานการณ์ใหม่ ๆ ในสังคม เช่น เป็นข้าราชการใหม่หรือ ข้าราชการย้ายจากงานลักษณะหนึ่งไปทำงานในอีกลักษณะหนึ่ง จำเป็นต้องเข้ารับการ อบรมให้เรียนรู้ระเบียบแบบแผนของงานใหม่ หรือการที่คนเราย้ายจากสังคมหนึ่งไปสู่อีกสังคมหนึ่ง ย่อมมีความจำเป็นในการศึกษาเกี่ยวกับสังคมใหม่ที่ตนเข้าไปร่วมด้วย

สรุป

ความเป็นระเบียบของสังคมจะเกิดขึ้นได้จำต้องอาศัยบรรทัดฐานของสังคม อันเป็นแนวทางกำกับครรลองพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคม ซึ่งมันมีความเกี่ยวพันไปถึงตำแหน่งหน้าที่ของบุคคลด้วย นอกจากนั้น ยังจะต้องมีการควบคุมทางสังคมอีกด้วย ตลอดถึงการจัดให้มีการอบรมเรียนรู้ระเบียบของสังคมด้วย เพื่อที่สังคมจะได้เป็นระเบียบเรียบร้อยและนำสันติสุขมาสู่สังคมโดยส่วนรวม

อ่านต่อ  >>>>>

<<< สารบัญ >>>

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย