ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม
ในสมาธิเกิดปีติมารเข้าแทรก เข้าสมาธิบัวขาวบานกลางใจ
ที่เชิงเขาเยโหม่ว
ภายหลังได้รับการสงเคราะห์จากไต้ซือเมี่ยวส้านแล้ว
อาณาบริเวณแห่งนี้ก็ได้กลับกลายเป็นหมู่บ้าน มีร้านค้าขาย พวกเขาจะค้าขายเล็ก ๆ
น้อย ๆ ซึ่งก็พอเพียงต่อการยังชีพ มีความเป็นอยู่อย่างสงบสุข
ซึ่งได้รับพระราชทานจากเมี่ยวส้านไต้ซือทั้งสิ้น ดังนั้น พวกเขาจึงนับถือพระองค์
มีความศรัทธาเป็นพิเศษ การบรรยายธรรมของพระองค์ได้ซาบซึ้งสู่ใจของพวกเขายิ่งนัก
ชั่วเวลาผ่านไปไม่นานนักที่อาณาบริเวณแห่งนี้ได้กลับกลายเป็นพุทธมณฑลเล็ก ๆ
แห่งหนึ่ง ไต้ซือเมี่ยวส้านทรงปีติยินดีในสภาพเช่นนี้
กล่าวถึงการบำเพ็ญบุญกุศลของหย่งเหลียนที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
วันเดียวไปไกลถึงพันลี้ อยู่มาวันหนึ่งหย่งเหลียนได้ทูลต่อไต้ซือเมี่ยวส้านว่า
ขณะที่หม่อมฉันกำลังเข้าสมาธิอยู่ในห้องฌานนั้น ทันใดก็เหมือนกับฝันแต่ไม่ใช่ฝัน
รู้สึกเหมือนวิญญาณได้หลุดออกจากร่าง ล่องลอยไปทางทิศตะวันออก ไปไกลไม่รู้กี่พันลี้
จึงได้เห็นประชาชนจำนวนมากออกันอยู่ตามชายฝั่งทะเล แต่ละคนหน้าซีดขาว
หม่อมฉันได้ถามพวกเขาว่าทำไมจึงตกทุกข์ได้ยากขนาดนี้ พวกเขาแย่งกันพูดว่า
พวกเราบ้านแตกสาแหรกขาด เพราะประเทศมีสงครามรบพุ่งกันมาหลายปี
จนทำให้ไม่สามารถทำไร่ไถหว่านได้ จึงไม่มีอาหารและเครื่องนุ่งห่ม
เพื่อหลบภัยสงครามกันจึงได้หนีกันมาที่นี่ เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว
แม้จะพ้นจากภัยสงคราม แต่ก็มีความทุกข์ยาก พื้นดินขาดความอุดมสมบูรณ์
หม่อมฉันเห็นพวกเขาแทะกินรากไม้ เปลือกไม้ เพื่อประทังความหิวโหย
เอาใบไม้มาปกปิดร่างกาย เมื่อเทียบกับพวกชาวบ้านที่เขาเยโหม่วแล้ว
ผิดกันราวสวรรค์กับนรกเลยทีเดียว
ที่น่าสงสารเพราะที่นั่นไม่มีไต้ซือที่เมตตาคอยช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นเคราะห์
การจะย้ายพวกเขามาที่เขาเยโหม่วทันทีก็ทำไม่ได้ แต่ตอนแยกจากเขาได้บอกกับเขาว่า
ถ้าหากว่าอยากแสวงหาแผ่นดินสงบต้องไปที่เชิงเขาเยโหม่วทางทิศตะวันตก
ไปที่วัดจินกวงหมิง เพื่อให้พุทธานุภาพคุ้มครองจึงจะพ้นเภทภัย
พอหม่อมฉันพูดถึงตอนนี้ก็คิดจะหาทางกลับ ก็เกิดมีลมพัดมาวูบใหญ่
ทั้งทรายและหินฟุ้งกระจาย
พวกประชาชนเหล่านั้นฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นเสือร้ายหันมาทางหม่อมฉัน
หม่อมฉันกำลังตกใจ ก็มีคนร้องเรียกว่าหย่งเหลียน ๆ มาเข้าแล้ว
หม่อมฉันได้ยินดังนั้น จึงรวบรวมสติลืมตาขึ้น
ก็เห็นว่าแม่อุปถัมภ์ร้องเรียกอยู่ข้าง ๆ
นี่ไม่รู้เป็นอะไรอยากขอให้ท่านไต้ซือได้เมตตาบอกหน่อย
เมื่อไต้ซือเมี่ยวส้านฟังแล้วพยมมือเหนืออกแล้วกล่าวว่า เจริญพร ! เจริฐพร !
หย่งเหลียนเอ๋ย ดูไม่ออกว่าการเข้าสมาธิของเจ้าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
การเข้าสมาธิจนได้ฌาน วิญญาณสามารถออกจากร่างได้ ไปเที่ยวทุกสารทิศ
เบื้องล่างดูความวุ่นวายของโลกมนุษย์ เบื้องบนก็สามารถเห็นพุทธภูมิที่สะอาดสงบ
พวกประชาชนเหล่านั้นฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นเสือร้ายหันมาทางหม่อมฉัน
หม่อมฉันกำลังตกใจ ก็มีคนร้องเรียกว่าหย่งเหลียน ๆ มาเข้าแล้ว
หม่อมฉันได้ยินดังนั้น จึงรวบรวมสติลืมตาขึ้น
ก็เห็นว่าแม่อุปถัมภ์ร้องเรียกอยู่ข้าง ๆ
นี่ไม่รู้เป็นอะไรอยากขอให้ท่านไต้ซือได้เมตตาบอกหน่อย
เมื่อไต้ซือเมี่ยวส้านฟังแล้วพยมมือเหนืออกแล้วกล่าวว่า เจริญพร ! เจริฐพร !
หย่งเหลียนเอ๋ย ดูไม่ออกว่าการเข้าสมาธิของเจ้าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
การเข้าสมาธิจนได้ฌาน วิญญาณสามารถออกจากร่างได้ ไปเที่ยวทุกสารทิศ
เบื้องล่างดูความวุ่นวายของโลกมนุษย์ เบื้องบนก็สามารถเห็นพุทธภูมิที่สะอาดสงบ
เมื่อเธอสามารถเข้าสมาธิได้ก็ควรยินดี
แต่การเข้าสมาธิต้องมีจิตแน่วแน่ ไม่มีความคิดเกิดขึ้น แม้ในขณะจิต
ก็จะไม่มีมารภายนอกมารบกวน หากเกิดปีติขึ้นหนึ่งขณะจิต
มารภายนอกก็จะเข้ามาแทรกทันที ถ้าหากเกิดอกุศลจิตขึ้น
มารแห่งอายตนะทั้งหกก็จะเข้ามาพร้อมกัน ก็จะรบกวนไม่ให้เธอออกจากสมาธิ
นี่แหละที่เขาว่ากันว่าเข้าฌานจนกลายเป็นสติฟั่นเฟือน ก็เป็นสาเหตุอย่างนี้
เธอเห็นอะไรต่าง ๆ ในสมาธิจนรู้สึกสงสาร เกิดจิตเมตตา บอกทางออกให้พวกเขา
อย่างนี้คือกุศลจิต แต่ไม่เหมาะที่จะบอกพวกเขามาที่นี่
ด้วยเหตุนี้จึงไม่พ้นที่จะมีจิตเห็นแก่ตัวเกิดขึ้นบ้าง
ชั่วขณะจิตอันนี้เองจึงเป็นการเชื้อเชิญมารภายนอก
จนภายหลังเกิดเป็นภาพที่น่ากลัว อันตรายมากนะ
หากคุณแม่ไม่เห็นและมองทะลุ พวกมารก็จะทำให้เธอไม่สามารถออกจากสมาธิ
หย่งเหลียนเอ๋ย! ต่อไปเธอต้องระมัดระวัง อย่างได้คิดฟุ้งซ่าน
ต้องรู้ว่าที่นี่เป็นตอนสำคัญในการเข้าสู่ธรรม ถ้าพลาดแล้วจะไปไกลมาก
หย่งเหลียนฟังแล้วยกมือไหว้ขอบคุณในการชี้แนะ แล้วถามต่อไปว่า
ตามปกติที่ท่านไต้ซือได้บรรยายธรรมนั้นทำไมจึงไม่ได้ยินธรรมอันแยบยลเหล่านี้
เพราะอะไรหรือ จึงไม่รู้จะเข้าสู่ธรรมโดยทางนี้
ไม่ทราบว่ายังต้องผ่านขั้นตอนอะไรอีกบ้าง โปรดให้ท่านชี้แนะด้วยเถิด
ไต้ซือเมี่ยวส้านตรัสว่า หย่งเหลียนเอ๋ย ! สิ่งที่เธอยังไม่รู้
คนเหล่านั้นคนฟังธรรมล้วนเป็นผู้โง่เขลา
ถ้าหากนำเอาหลักธรรมที่ลึกล้ำเหล่านี้ไปบรรยายให้ฟัง
ไม่เพียงแต่เป่าปีให้กระบือฟังเท่านั้น แต่ยังเสียเวลาเปล่า
ทั้งยังจะทำให้ญาณทวารของพวกเขาอุดตัน ไม่มีทางได้ปัญญาเห็นธรรม
เพราะฉะนั้นวิธีการบรรยายธรรมให้พวกเขาฟังในระยะเริ่มแรกก็เพียงปรับจิตใจของพวกเขาให้ตรง เมื่อจิตใจตรงแล้ว ญาณทวารก็จะว่างขึ้นเอง เมื่อความโง่เขลาหมดไปแล้ว ค่อยบรรยายถึงขั้นตอนการเข้าสู่ธรรมให้พวกเขา จึงค่อยเข้าใจรู้เรื่องง่ายหน่อย นี่คือสาเหตุที่ไม่ได้บรรยายถึงการเข้าสมาธิ ตลอดจนการบรรลุมรรคผลให้พวกเขาฟัง จะว่าไกลก็ไกล จะว่าใกล้ก็ใกล้เหมือน ๆ กับจะบอกให้ได้ แท้ที่จริงบอกไม่ได้ เรื่องการเข้าสู่สมาธิคือต้องมีบุญกุศลที่มากพอ วิญญาณจึงสามารถออกมาท่องเที่ยวได้ทั่ว แต่อย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากกายเนื้อ ถ้าหากเข้าสู่สมาธิแล้ว ไม่สามารถออกจากสมาธิเวลาเพียงไม่นานนัก กายเนื้อก็จะเน่าเปื่อยเหมือนคนปกติทั่วไปหมายความว่าวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว
ก็เหมือนคนทั่วไปที่ตาย
เวลาผ่านไปไม่กี่วันร่างกายก็จะพังทลาย และจะสลายไปในที่สุด ดังนั้น
ในช่วงเวลาที่เข้าสู่สมาธิแล้วก็ต้องหาทางออกจากสมาธิ ให้ปฏิบัติอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
จะค่อย ๆ ก้าวหน้า ก็จะสามารถไปถึงขั้นสภาวะของภายนอกกาย
อะไรเรียกว่ากายนอกกานก็คืออยู่ข้างนอกของกายเนื้อจะมีกายหนึ่ง
ถึงตอนนั้นวิญญาณก็สามารถไปห่างจากกายเนื้อได้ พูดง่าย ๆ คือ
ว่าเมื่อเข้าสู่สมาธิแล้วไม่จำเป็นต้องหาทางออกจากสมาธิอีก
วิญญาณก็ยังอยู่เป็นดวงไม่แยกแตกสลาย เมื่อถึงขั้นนี้
ก็สามารถหลุดพ้นจากกายเนื้อได้สำเร็จมหาธรรมแล้ว
แต่ว่าการที่จะไปถึงสภาวะเช่นนี้ได้
ไม่ใช่เพียงการนั่งฌานให้ลึกหรือไหว้พระสวดมนต์เท่านั้น
ยังต้องสั่งสมบุญกุศลให้เต็มถึง 3,000 กุศล ต้องผ่านทุกข์ยากหมดสิ้นทุกอย่าง
จึงจะมีความหวัง
เธอไม่เห็นหรือเมื่อก่อนพระพุทธเจ้าได้ผ่านมารดีดขวางนานัปการ จึงจะบรรลุธรรม
การบำเพ็ญกุศลของเราเวลานี้ นับว่ายังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพระพุทธเจ้า
เมื่อกุศลยังไม่ได้สั่งสม ยังไม่ได้ผ่านทุกข์ยาก จะทำให้สำเร็จธรรมนั้น
หนทางยังอีกไกลนัก แต่ขอให้มีจิตใจแน่วแน่ ก็จะไม่เปลืองแรงเปล่า
ก็อย่างที่เธอสามารถเข้าสู่สมาธิก็เป็นหลักฐานยืนยันได้ ขอให้อดทนบำเพ็ญต่อไป
หย่งเหลียนฟังแล้วสุขใจขึ้นมากจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมา
นางหย่งเหลียนบำเพ็ญได้ขนาดนี้แล้ว ไต้ซือเมี่ยวส้านทรงบำเพ็ญมาคงถึงขั้นสูงกว่าแน่
แล้วเหตุไฉนพระองค์จึงไม่บรรลุมรรคผลสู่ปทุมอาสน์
ทั้งนี้เป็นเพราะยังไม่หมดเคราะห์กรรม
กุศลยังไม่เต็ม พระองค์มีญาณหยั่งรู้ได้เอง หากแต่ไม่พูดให้ใครฟังเท่านั้น
ยังคงแอบบำเพ็ญกุศลอย่างเงียบ ๆ เวลาผ่านไปรวดเร็วเผลอไปแผล็บเดียว
เวลาผ่านไปสามปีอยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ไต้ซือกำลังทำสมาธิอยู่ ขณะกำลังเข้าสมาธิ
ฉับพลันก็ได้ยินคนสองคนกำลังพูดกันว่า บนดวงญาณมีดอกบัวบานหรือยัง อีกคนหนึ่งพูดว่า
บานแล้ว ๆ แต่ขาดโพธิสัตว์ไปองค์หนึ่ง ไต้ซือตรัสในใจว่าไม่ดี ทำไมมีมารมาผจญ
จึงรวบรวมใจให้มีสมาธิขึ้น ก็เห็นหัวใจของตนเองดวงหนึ่ง กลับกลายเป็นดอกบัวขาว
บนดอกบัวมีพระโพธิสัตว์ประทับอยู่ จึงลดคิ้วต่ำลงหลับตาเพ่งมอง โอ้!
พระโพธิสัตว์องค์นั้นคือตนเองได้อวตารไป จึงเปิดปีตีขึ้นเท่านั้น
ภาพข้างหน้าก็อันตรธานไปหมด เหลือเพียงตนเองนั่งอยู่บนโต๊ะฌาน
ไต้ซือเมี่ยวส้านรู้ดีว่านี่เป็นด่าน แต่ก็ไม่เล่าให้ใครฟัง วันรุ่งขึ้น
หลังจากทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว ก็ตรัสกับเหล่าภิกษุณีว่า เมื่อก่อนนี้พระพุทธเจ้าได้
ปรากฎมาชี้แนะว่า ถ้าต้องการบรรลุมรรคผล ต้องมีบัวหิมะบนเขาซวีหนีซันมาชักนำ
อาตมาคิดว่าตั้งแต่อาตมาบวชมา
ได้บำเพ็ญเพียรมาตลอดแต่ยังไม่ได้ไปที่เขาซวีหนีซันเลย
แล้วจะได้บัวหิมะมาได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตอนนี้ได้ตัดสินใจจะไปที่เขาซวีหนีซัน
เพื่อแสวงหาบัวขาว พวกท่านก็บำเพ็ญกันอยู่ที่นี่ อย่างไรก็จะได้ผลดีบ้าง
พวกเขาได้ยินแล้วพากันงง ต่างมองหน้ากัน
แต่หย่งเหลียนและแม่อุปถัมภ์ได้ยินแล้วก็เห็นดีด้วย และพร้อมจะร่วมเดินทางไปด้วย
ไต้ซือเมี่ยวส้านดีใจมากจึงได้ยกหน้าที่ของวัดจินกวงหมิงให้พวกเขา
โดยเฉพาะภิกษุณีตอหลี
แล้วสั่งกำชับว่าให้ปฏิบัติหน้าที่เหมือนเช่นเคย ไม่ให้แก้ไข
เราไปกันอย่างมากไม่เกินหนึ่งปีอย่างเร็วก็ครึ่งปี
ไม่ว่าจะได้บัวหิมะมาหรือไม่ก็ต้องกลับมา ภิกษุณีตอหลีรับคำ
เมื่อไต้ซือเมี่ยวส้านมอบภาระเสร็จแล้ว ก็เข้าไปในห้องกับหย่งเหลียนและแม่อุปถัมภ์
เพื่อเก็บรวบรวมเสื้อผ้าเสบียงอาหาร
เรียกหย่งเหลียนให้เปิดหีบรองเท้าซึ่งสานด้วยป่านออกมานับดู
มีจำนวนหนึ่งร้อยกับแปดคู่
แล้วก็เอามามัดเป็นพวงเสร็จแล้วเปิดถังไม้อีกใบหนึ่งข้างในมีข้าวเปลือกบรรจุอยู่
เอาถุงผ้าเหลือมาสามใบมาใส่ข้าว กะว่าให้ถือคนละใบ
ของเหล่านี้พระองค์ได้เก็บเอาไว้เมื่อครั้งที่ทำงานในโรงครัว
ตอนนี้จะเดินทางไกลจึงเหมาะที่จะเอามาใช้
เสื้อผ้าทั้งสามคนก็รวมกันเป็นห่อเดียว จะได้ช่วยกันถือขณะเดินทาง
บาตรที่ราชาเมี่ยวจ้วนถวาย นับว่าเป็นของมีค่าพระองค์เองจะเป็นผู้ถือ
เมื่อทั้งสามคนเก็บข้าวของเสร็จก็เดินออกไปที่โบสถ์เพื่อกราบลาพระพุทธเจ้า
บอกให้ท่านรับรู้ก่อนออกเดินทาง เหล่าภิกษุณีก็ออกมาส่งเสด็จ
พวกชาวเขาเยโหม่วที่นับถือก็พากันถือธูปมาส่งไต้ซือ นั่นคือ ขึ้นเขาใจจรดจ่อ
บรรลุธรรมต้องได้เวลา
» ถวายสุราศาลาเย็น ไข่มุกเด่นสู่ครรภ์ในฝัน
» หาว่าผู้เฒ่าพูดปดว่าพระเมตตา ธิดาน้อยหยุดกันแสงฟังโฉลก
» คิดยกราชบัลลังก์ เห็นมดต่อสู้กันเกิดจิตเมตตา
» ช่วยเหลือจักจั่นจนบาดเจ็บ ใครรักษาแผนเป็นหายมีรางวัล
» แพทย์สามัญไร้โอสถดี ผู้วิเศษกล่าวถึงบัวหิมะ
» เสาะหาบัวบานบนเขาซวีหนีซัน มเหสีเป่าเต๋อทรงประชวร
» โศลกทิ้งเงื่อนงำ เห็นการเกิดตายแจ้งในสัจธรรม
» ปีตินิมิตเห็นพุทธเจ้า ขัดรับสั่งพระบิดาโทษดูแลอุทยาน
» แสดงธรรมหน้าโต๊ะเสวย ถูกขับรับงานหนักโรงครัว
» นางกำนัลซาบซึ้งในความศรัทธา จึงอาสาช่วยงานตรากตรำ
» ปณิธานย่อมเป็นทาสรับใช้ความศรัทธามั่นทำให้เสด็จพ่อกลับใจ
» กำหนดฤกษ์บูรณะวัดจินกวงหมิง ได้ฤกษ์ออกเดินทางสู่เขาเยโหม่ว
» มีดทดสอบตัดหกอายตนะ สู่ศูนย์ตาเพ่งไตรภูมิในความเงียบ
» ในสมาธิเกิดปีติมารเข้าแทรก เข้าสมาธิบัวขาวบานกลางใจ
» เดินทางสู่ภูเขาซวีหนีซัน โปรยข้าวเปลือกผ่านเขาจ้าวอีกา
» พบผู้ใจดีชี้ทางให้ หลงใหลธรรมชาติเกิดเรื่องขึ้น
» ไต้ซือถูกจับที่ภูเขาจินหลุน ผู้ร่วมทางตัดสินใจไปช่วยเหลือ
» คนป่าแย่งรองเท้าสานไป อริยสงฆ์รูปหนึ่งทรงช้างเผือกมา
» ไต้ซือเดินทางด้วยเท้าเปล่า ชนเผ่าเจียลาเลี้ยงสัตว์ในทะเลทราย
» มีกรรมสัมพันธ์กับบ้านหลู่ ข้าวเหนียวช่วยรักษาโรค
» ปราบเสือร้ายเทียนหม่าฟง ที่เมืองหลิวหลีเห็นทางสว่าง
» สู่ยอดเขางูกลืนช้าง สู่ภาพมายาเจ้าโจมตี
» เจอะหมีขาวแกล้งนอนตาย ให้ลิงเลียนแบบเดินแล้วไหว้
» สู่สันเขารู้กระจ่างแจ้ง คุยถึงเรื่องที่ผ่านมาเด็กซนทำเรื่อง
» ผ่านความทุกข์ลำบากมานับพันหมื่นสำเร็จธรรมถูกตีกระหม่อมทะลุสหโลกธาตุ