ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม
ช่วยเหลือจักจั่นจนบาดเจ็บ ใครรักษาแผนเป็นหายมีรางวัล
เมื่อพระธิดาเมี่ยวส้านได้ฟังโอวาทพระมารดาแล้ว
รอคอยจนกว่าพระมารดาจะหยุดดำรัสแล้วจึงกราบทูลว่า พระมารดาไม่ทรงทราบอะไร
มดแม้จะเป็นแมลงเล็ก ๆ แต่ก็เป็นชีวิตหนึ่งเหมือนกัน
ลูกหญิงทอดพระเนตรเห็นพวกเขาต่อสู้กัน บาดเจ็บล้มตายกันมาก ๆ น่าสมเพชเวทนายิ่งนัก
ไม่อาจทนพระทัยอยู่ได้ ดังนั้นจึงหาวิธีแก้ไขพวกเขา จะได้ไม่ต้องฆ่ากันตายอีก
พวกมดเหล่านั้นดูเหมือนมีจิตวิญญาณ ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่กัดหม่อมฉัน
ขณะที่กราบทูลมาถึงตอนนี้ ก็ให้บังเอิญราชาเมี่ยวจ้วนเสด็จเข้ามาในตำหนัก
จึงทรงถามว่า พวกเรากำลังสนทนาอะไรกัน
มเหสีเป่าเต๋อจึงไม่อาจที่จะไม่ทรงเล่าเรื่องอีกครั้งหนึ่ง
ราชาเมี่ยวจ้วนทรงฟังแล้วก็สรวลว่า เด็กคนนี้ฉลาดปราดเปรื่องนัก อะไรก็ดีไปหมด
เกิดมาก็มีนิสัยแปลกพิลึก ไม่เหมือนนิสัยของเด็กทั่วไป กิริยายังกับพระนางพุทธะ
ทำให้ตนไม่ค่อยสบายใจ ยังต้องพึ่งมเหสีให้เอาพระทัยอีกหน่อย คอยสั่งสอนแนะนำ
จนได้แก้ไขนิสัยเหล่านั้นบ้าง จะได้ทำให้คนเขารักใคร่หน่อย
พระนางเป่าเต๋อก็ทรงรับคำ
พระดำรัสของราชาเมี่ยวจ้วนทั้งหมดนี้พระธิดาเมี่ยวส้านได้ฟังก็ไม่สนพระทัย
แต่พระธิดาเมี่ยวอินเมี่ยวหยวนทรงฟังแล้วรู้สึกพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง
ทำให้ความเจ็บแค้นเมื่อครู่นี้ค่อยคลายลงบ้าง พระพักตร์เริ่มผ่องใส แล้วค่อย ๆ
เผยพระพักตร์ที่แย้มสรวลออกมา
ทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าพระธิดาเมี่ยวส้านมีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว
ย่อมไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ เมื่อเสด็จพ่อมีพระดำรัสเช่นนี้ก็ปล่อยให้น้องเธอสำแดงไป
สักวันหนึ่งคงหมดความปีติยินดี โบราณกล่าวไว้แล้ว สันดอนขุดง่ายสันดานขุดยาก
นับตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีทางแก้ไขได้
พระธิดาเมี่ยวส้านเมื่อประสูติมาแล้วก็มีพุทธจิตเมตตาอยู่แล้ว
แม้จะมีพลังจากภายนอกมากน้อยประการใด จะคิดแก้ไขแม้เพียงเล็กน้อยก็ยากนัก
พระนางเป่าเต๋อแม้จะใช้วาจาอ่อนโยนชักจูงตักเตือนพระธิดา
พระธิดาก็ยังคงดำเนินไปอย่างบริสุทธิ์ ไม่สะทกสะท้านแต่ประการใด วันหนึ่งฤดูร้อน
ตะวันใกล้จะพลบค่ำ ภายในตำหนักอบอ้าว พระธิดาจึงเสด็จออกไปเดินเล่น
เมื่อดำเนินมาถึงใต้ร่มหลิว
มีลมเย็นพัดมาทำให้รู้สึกเย็นสบาย จึงประทับลงบนก้อนหินเพื่อรับลมเย็น
ลมก็ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน บรรยากาศชวนฝันอย่างผิดปกติ
ขณะนั้นมีจักจั่นตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ดีดปีกทำเสียงกรี๊ด ๆ
ไม่หยุดเหมือนดนตรีธรรมชาติขับกล่อมให้สบายอารมณ์
พระธิดาเมี่ยวส้านประทับองค์เดียวท่ามกลางสภาวะอันเงียบสงบ
ก็ได้แต่ครุ่นคิดและรำพึงว่ามนุษย์ในโลกนี้หนอเหน็ดเหนื่อยตรากตรำเพื่อแก่งแย่งลาภยศชื่อเสียง
ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ นานา
ได้รับความทุกข์ยากและเภทภัยจนกระทั่งตัวตายก็ยังไม่เข้าใจ น่าสมเพชเวทนายิ่ง
คิดค้นหาวิธีทำอย่างไรที่จะทำให้มนุษย์โลกนี้เข้าใจถ่องแท้
จะได้หมดกิเลสและเคราะห์กรรม
ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงครุ่นคิดหาหนทาง
ยิ่งคิดก็ยิ่งลึก รวมจิตประทับนิ่งเงียบเหมือนกำลังทำสมาธิ
ขณะที่จิตกำลังอยู่ในภวังค์
เสียงขับกล่อมที่เพลิดเพลินของจักจั่นฉับพลับกลายเป็นเสียงร้อนรน
เหมือนกับกำลังเผชิญกับศัตรู ทำให้พระธิดาเมี่ยวส้านตกพระทัยจนต้องระงับการครุ่นคิด
ทอดพระเนตรไปตามหาที่มาของเสียง
ก็ทอดพระเนตรเห็นจักจั่นตัวดำที่อยู่บนกิ่งไม้กำลังร้องเสียมขรม ข้าง ๆ
มีตั๊กแตนตำข้าวตัวหนึ่ง
กำลังเอาขาข้างหน้าทั้งสองจับจักจั่นอยู่ในง่ามขาชูคอที่เล็กยาวขึ้นมา
กำลังจะกัดกินเจ้าจักจั่นอยู่
พระธิดาเมี่ยวส้านเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นคิดในใจว่าเจ้าจักจั่นตัวนั้นกำลังขอความช่วยเหลือจากฉันอยู่
ถ้าหากฉันยังนิ่งดูดาย
ชีวิตของมันก็จบลงภายใต้ฟันของตั๊กแตนดีที่กิ่งหลิวนั้นไม่สูงนัก
ถ้ายืนบนก้อนหินก็คงเอื้อมไปถึง พระธิดาจึงรีบกระโดดขึ้นไปบนกองหิน
แล้วยืนบนหินขณะกำลังจะยื่นพระหัตถ์ไปจับตั๊กแตน เจ้าตั๊กแตนพอเห็นคนมา
จึงรีบปล่อยจักจั่น แล้วยกง่ามขาขึ้น
ส่วนเจ้าจักจั่นได้โอกาสร้องกรี๊ดขึ้นแล้วก็กระพือปีกบินหนีไป
พระธิดานิ่งดูอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่พระหัตถ์ขวาจะเอื้อมไปจับตั๊กแตนนั้น
พอเห็นจักจั่นบินหนีไปแล้วก็ไม่คิดจะไปจับตั๊กแตนอีก ขณะที่จะหดพระหัตถ์กลับมา
ทันใดนั้น แค่ชั่วพริบตาเดียว
ง่ามขาที่แหลมคมของตั๊กแตนก็จิกลงบนหลังพระหัตถ์ของพระธิดาโดยไม่ปรานีปราศรัย
เลือดสด ๆ ไหลทะลักออกมา บาดแผลที่ได้รับครั้งนี้
เจ็บปวดแวบเข้าไปถึงพระทัยทำให้พระธิดาตกพระทัยกลัวจนพระเนตรพร่ามัว
พระชานุทั้งสองอ่อนแรงจนยืนไม่อยู่ จึงตกลงมาจากก้อนหิน
มุมขวาของพระนลาฎก็ไปกระแทกเข้ากับก้อนหิน ทำให้เกิดบาดแผลขึ้น
พระบาทซ้ายก็ไปเกี่ยวเอากับรากไม้เข้าทำให้ข้อเท้าหลุด โลหิตที่พระเศียรไหลพราก
พระธิดาเมี่ยวส้านทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว
จึงสลบไสลไปในที่สุด
เมื่อพระวรกายตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดพระองค์ก็บรรทมอยู่บนที่บรรทมในตำหนักเสียแล้ว
ราชาเมี่ยวจ้วนและมเหสีเป่าเต๋อทรงเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ทุก ๆ คนชุลมุนวุ่นวาย
เมื่อเห็นพระธิดาฟื้นขึ้นมาก็ดำรัสว่า ดีแล้ว ๆ
ตอนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้วพระธิดาทรงหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น รู้สึกเจ็บปวดมาก
บาดแผลบนศรีษะได้ทำแผลเรียบร้อยแล้ว ข้อพระบาทยังไม่ได้ขยับเข้าที่
ความเจ็บปวดจากบาดแผลทั้งสองแห่งยากที่จะทนอยู่ได้ จึงร้องครางหงิง ๆ ออกมา
ขณะที่พระธิดาสลบไสลอยู่ใต้ต้นหลิวนั้น พระนางเป่าเต๋อประทับอยู่ในตำหนัก
ไม่เห็นวี่แววพระธิดาเมี่ยวส้านนานโขอยู่ พระทัยรู้สึกร้อนกระวนกระวาย
จึงให้เหล่ากำนัลออกไปตามหาก็พบพระธิดาสลบอยู่ใต้ต้นหลิว มีโลหิตอาบพระเศียรอยู่
จึงพุ่งทะยานเข้ามาในตำหนัก แล้วกราบทูลมเหสีเป่าเต๋อ
เหล่านางกำนัลจึงรีบออกไปช่วยกันหามพระธิดาเข้ามาในตำหนักเพื่อเยียวยาทำบาดแผล
แล้วก็รอคอยจนกว่าพระธิดาฟื้นคืนสติกลับมา
ราชาเมี่ยวจ้วนทรงถามพระธิดาน้อยว่า ลูกรัก!
เจ้าทำไมจึงหกล้มขนาดนี้ ตอนนี้รู้สึกว่าเจ็บตรงไหนบ้าง รีบ ๆ บอกให้เสด็จพ่อรู้
พระธิดาเมี่ยวส้านทรงรู้ถึงความเข้มงวดของราชาเมี่ยวจ้วนดี เมื่อทรงเล่าให้รู้แล้ว
ก็ต้องทรงพระพิโรธและแค้นเคืองเป็นแน่แท้
แต่เพราะพระธิดามีพระนิสัยสัตย์ซื่อจึงไม่ยอมที่จะเท็ดทูลแม้แต่นิด
จึงสู้ทนที่จะเล่าถึงความเป็นมาที่ทรงช่วยเหลือเจ้าจักจั่นจนได้บาดเจ็บให้ฟังอย่างละเอียดลออ
เมื่อราชาเมี่ยวจ้วนทรงฟังแล้วได้แต่ส่ายพระเศียรไปมาแล้วดำรัสว่า ลูกรัก
มิใช่เสด็จพ่อพูดกับเจ้าเสมอ ๆ ว่า อย่าได้ธุระกับเรื่องไร้สาระ
เจ้าก็ไม่ยอมเชื่อฟัง วันนี้ก็พลัดตกลงมาจนได้รับบาดเจ็บขนาดนี้
เป็นเพราะต้องการช่วยเหลือจักจั่นตัวหนึ่ง มิใช่รนหาทุกข์มาใส่ตัวหรอกหรือ
โบราณพูดไว้ว่า "ลำบากเสียหน่อยจึงจะรู้ดี" วันนี้ลูกก็ได้รับทุกข์อย่างแสนาหัสแล้ว
ต้องจดจำไว้ให้ดี ๆ อย่าได้ทำอะไรตามอำเภอใจ
เมื่อพระธิดาได้ฟังพระดำรัสแล้ว
ก็ทรงขานรับคำสองคำแล้วก็ครวญครางต่อไป
ขณะนั้นมเหสีเป่าเต๋อเห็นความเจ็บปวดของพระธิดาน้อยอย่างนั้น
พระทัยพลอยเจ็บช้ำยิ่งนัก ก็ทรงดำรัสถามลูกว่า ลูกรัก ! ตอนนี้ลูกรู้สึกอย่างไรบ้าง
พระธิดาอดกลั้นต่อความเจ็บปวดแล้วทรงตอบว่า เสด็จแม่ ! ทั่วทั้งตัวก็เจ็บปวดไปหมด
ที่ศรีษะและขาข้างซ้ายปวดมากที่สุด ขาข้างซ้ายดูเหมือนข้อเท้าจะแพลงเพคะ
เสด็จแม่จึงเอาพระหัตถ์ไปคลำดูที่ข้อเท้าข้างซ้ายรู้สึกว่ากระดูกจะเคลื่อน
พระนางถึงกับกระโดดขึ้นมาแล้วดำรัสอย่างร้อนพระทัยว่า ทำไงดี ๆ
ราชาเมี่ยวจ้วนจึงมีพระราชโองการให้นำแพทย์หลวงรีบเข้าวัง
เพื่อช่วยรักษาให้พระธิดาทั้งยังรินพระโอสถให้พระธิดาเสวยด้วย
เหตุการณ์วุ่นวายกันสักพักใหญ่ ๆ
ความเจ็บปวดจึงค่อย ๆ ทุเลาลง ในที่สุดก็บรรทมหลับไป ทุกคนต่างโล่งอก
การบรรทมครั้งนี้ของพระธิดานานยาวนับเดือน โดยไม่สามารถลุกออกจากพระที่ได้
ราวกับว่าได้เกิดการเจ็บหนัก สำหรับบุคคลข้างเคียงจะรู้สึกเคียดแค้น
และจะโทษเจ้าจักจั่นกับตั๊กแตนที่ทำให้พระธิดาต้องได้รับบาดเจ็บมากมายเช่นนี้
แต่พระธิดากลับไม่เป็นเช่นนั้น พระองค์ไม่มีความรู้สึกเสียใจอะไรแม้แต่น้อย
กลับตรงข้าม เมื่อพระวรกายได้รับความเจ็บปวดบ้าง
ในพระทัยกลับรู้สึกปลอบประโลมเป็นอย่างมาก การจับเจ่าอยู่กับที่บรรทม
กลับไม่รู้สึกว่า เจ็บปวดอะไรมากนัก
หนึ่งเดือนต่อมา จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นได้
การย่างก้าวคงเหมือนเดิม ข้อเท้าที่บาดเจ็บก็หายดีแล้ว
รอยแผลที่หลังพระหัตถ์ก็หายหมดแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ศรีษะที่แผลยังหายไม่สนิท
ทุกคนก็ไม่ต้องเที่ยวหายาดีมาช่วยทาแล้ว เวลาผ่านไปอีกหลายวันทุกอย่างก็หายเป็นปกติ
บริเวณที่มุมหน้าผากที่เกิดรอยแผลขนาดเท่าเม็ดลำไยก็เหมือนกับหยกสวยที่มีรอยตำหนิ
ช่างไม่สวยเอาเสียเลย ทำให้พระนางเป่าเต๋อรู้สึกไม่สบายพระทัยต่อรอยแผลนี้
จึงกราบทูลกับราชาเมี่ยวจ้วนว่า ใบหน้าหมดจดงดงามของพระธิดามีรอยแผลเช่นนี้
ทำให้หมดความสวยงามไป หม่อมฉันว่าในประเทศคงไม่ขาดแคลนหมอมือดีหรอกนะ
พระองค์ก็เป็นถึงจอมกษัตริย์
หากมีพระราชโองการให้แสวงหาผู้ที่มีฝีมือดีมารักษารอยแผลของพระธิดา
คงไม่เป็นเรื่องยากหรอกกระมังคะ ทำไมฝ่าบาทจึงไม่ลอง ๆ ดูหรือเพคะ
ราชาเมี่ยวจ้วนฟังแล้วก็พยักหน้ารับ พองันรุ่งขึ้น
ก็มีพระราชโองการให้ประกาศหาผู้ที่สามารถรักษาพระธิดาสามให้หาย
จะมีรางวัลสองพันชั่ง แล้วแต่งตั้งเป็นแพทย์หลวงอีกตำแหน่งหนึ่ง
เมื่อประกาศสำนักพระราชวังออกมา ผู้ที่มีฝีมือต่างก็หวังเงินรางวัล
จึงแย่งกันเข้ามารักษา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันรักษา หมดยาไปกว่า 10 ขนาน
ก็ยังไร้ประสิทธิผล ในพระทัยราชาเมี่ยวจ้วนไม่สู้พอพระทัยนัก ประเทศออกใหญ่อย่างนี้
ล่วนมีแต่หมอสามัญ จะหาหมอที่มีความสามารถสักคนก็ไม่มี
แผลเป็นของพระธิดาก็ไม่มีทางรักษาหายได้เหมือนหยกงามมีตำหนิ น่าเสียดายยิ่ง
ขณะที่ทรงกังวลอยู่ก็ให้บังเอิญมีหมอแปลกประหลาดคนหนึ่งนั่นคือ อย่ากังวลที่มีตำหนิ
รอคอยผู้มีบุญสัมพันธ์
» ถวายสุราศาลาเย็น ไข่มุกเด่นสู่ครรภ์ในฝัน
» หาว่าผู้เฒ่าพูดปดว่าพระเมตตา ธิดาน้อยหยุดกันแสงฟังโฉลก
» คิดยกราชบัลลังก์ เห็นมดต่อสู้กันเกิดจิตเมตตา
» ช่วยเหลือจักจั่นจนบาดเจ็บ ใครรักษาแผนเป็นหายมีรางวัล
» แพทย์สามัญไร้โอสถดี ผู้วิเศษกล่าวถึงบัวหิมะ
» เสาะหาบัวบานบนเขาซวีหนีซัน มเหสีเป่าเต๋อทรงประชวร
» โศลกทิ้งเงื่อนงำ เห็นการเกิดตายแจ้งในสัจธรรม
» ปีตินิมิตเห็นพุทธเจ้า ขัดรับสั่งพระบิดาโทษดูแลอุทยาน
» แสดงธรรมหน้าโต๊ะเสวย ถูกขับรับงานหนักโรงครัว
» นางกำนัลซาบซึ้งในความศรัทธา จึงอาสาช่วยงานตรากตรำ
» ปณิธานย่อมเป็นทาสรับใช้ความศรัทธามั่นทำให้เสด็จพ่อกลับใจ
» กำหนดฤกษ์บูรณะวัดจินกวงหมิง ได้ฤกษ์ออกเดินทางสู่เขาเยโหม่ว
» มีดทดสอบตัดหกอายตนะ สู่ศูนย์ตาเพ่งไตรภูมิในความเงียบ
» ในสมาธิเกิดปีติมารเข้าแทรก เข้าสมาธิบัวขาวบานกลางใจ
» เดินทางสู่ภูเขาซวีหนีซัน โปรยข้าวเปลือกผ่านเขาจ้าวอีกา
» พบผู้ใจดีชี้ทางให้ หลงใหลธรรมชาติเกิดเรื่องขึ้น
» ไต้ซือถูกจับที่ภูเขาจินหลุน ผู้ร่วมทางตัดสินใจไปช่วยเหลือ
» คนป่าแย่งรองเท้าสานไป อริยสงฆ์รูปหนึ่งทรงช้างเผือกมา
» ไต้ซือเดินทางด้วยเท้าเปล่า ชนเผ่าเจียลาเลี้ยงสัตว์ในทะเลทราย
» มีกรรมสัมพันธ์กับบ้านหลู่ ข้าวเหนียวช่วยรักษาโรค
» ปราบเสือร้ายเทียนหม่าฟง ที่เมืองหลิวหลีเห็นทางสว่าง
» สู่ยอดเขางูกลืนช้าง สู่ภาพมายาเจ้าโจมตี
» เจอะหมีขาวแกล้งนอนตาย ให้ลิงเลียนแบบเดินแล้วไหว้
» สู่สันเขารู้กระจ่างแจ้ง คุยถึงเรื่องที่ผ่านมาเด็กซนทำเรื่อง
» ผ่านความทุกข์ลำบากมานับพันหมื่นสำเร็จธรรมถูกตีกระหม่อมทะลุสหโลกธาตุ