ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
ปิณโฑล ภารทวาช
เป็นพระเถระพุทธสาวก ชั้นพระอสีติมหาสาวก ได้รับเอตทัคคะ คือ เลิศในทางบันลือสีหนาท ท่านเกิดในกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ เป็นบุตรพราหมณ์มหาศาล เมื่อเจริญวัยได้ศึกษาศิลปวิทยาการ ได้ศึกษาไตรเพทเวทวคศาสตร์ จบเป็นอาจารย์บอกมนต์แก่มาณพจำนวนมาก มีผู้เคารพนับถือมาก ถึงนิมนต์ให้รับอาหารบิณฑบาตเหมือนพระภิกษุพุทธสาวก ภารทวาธนาณพ เที่ยวแสวงหาอาหารบิณฑบาตเช่นเดียวกับพระภิกษุ คนทั้งหลายจึงเรียกท่านว่า ปิณโฑล ภารทวาช
เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน ทรงแสดงธรรมโปรดมหาชนอยู่นั้น วันหนึ่งท่านได้ฟังธรรม แล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสนา ทูลขอบรรพชาอุปสมบท หลังจากนั้นก็ได้เรียนพระกรรมฐาน ไม่นานเท่าใดก็ได้บรรลุพระอรหันต์ ในวันที่ท่านได้บรรลุพระอรหันต์ ท่านก็บันลือสีหนาทด้วยวาจาอันองอาจว่า ผู้ใดมีความเคลือบแคลงสงสัยในมรรคก็ดี ในผลก็ดี ผู้นั้นจงมาถามท่านเถิด พระพุทธองค์จึงประกาศยกย่องท่านว่า เป็นยอดของภิกษุผู้บันลือสีหนาท
ต่อมาในสมัยหนึ่ง มีเศรษฐีในกรุงราชาคฤห์คนหนึ่งไปได้ปุ่มไม้จันทน์แดงมาปุ่มหนึ่ง จึงให้ช่างกลึงเป็นบาตร แล้วก็คิดต่อไปว่า มีคนพูดกันว่าในโลกนี้ มีพระอรหันต์มาก ยังไม่ประจักษ์แก่ตาเราเลย จึงให้คนเอาลำไม้ไผ่ลำยาว ๆ มาปักต่อกันสูงประมาณ 60 ศอก แล้วให้คนเอาบาตรไม้จันทน์ ไปแขวนไว้บนยอดเสาไม้ไผ่นั้น แล้วให้ประกาศว่า ใครเป็นพระอรหันต์ให้เหาะไปเอาบาตรนี้ มารับบิณฑบาต
กาลล่วงไปหกวัน ยังไม่มีใครเหาะเอาไปได้ ในเช้าวันที่เจ็ด พระมหาโมคคัลลาน จึงบอกแก่ท่านว่า คำกล่าวนี้หมายถึง พระพุทธศาสนาด้วย จึงขอให้ท่านเหาะไปเอาบาตรดังกล่าว ท่านจึงเข้าฌานสมาบัติแล้วเหาะไปเอาบาตร เมื่อกลับลงมาแล้วเศรษฐีก็ตักบาตรท่านด้วยจตุมธุรสเต็มบาตร คนทั้งหลายที่ไม่ทันได้เห็นปาฎิหารย์ของท่าน จึงต่างมาขอร้องให้ท่านทำอีก กลายเป็นเสียงอึกทึก พระพุทธองค์ทรงสดับแล้ว จึงโปรดให้ท่านเข้าเฝ้า ตรัสติท่านโดยเอนกปริยายว่า การแสดงอุตริมนุษยธรรมด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ไม่เป็นการสมควรเลย แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามมิให้ภิกษุทั้งหลายทำปาฎิหารย์ ถ้าภิกษุใดทำ ภิกษุนั้นต้องอาบัติทุกกฎ
>>> กลับหน้าหลัก สารานุกรมไทย >>>