ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>
พระราชพงศาวดารเหนือ
พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ
ศิลาจารึก
พงศาวดารเขมร
พงศาวดารมอญพม่า
พงศาวดารล้านช้าง
พงศาวดารมอญพม่า
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21
หน้า 20 >>>
จ.ศ.1147 เดือนเก้า พระเจ้าปะดุง คิดจะเข้ามาตีกรุงไทย
จัดให้เกงวุ่นเป็นแม่ทัพทางเมืองมฤตใต้ลงไปตีเมืองถลาง เมืองชุมพร เมืองไชยา
ทางเมืองทวายให้อุนอกแพกติกะวุ่นเป็นแม่ทัพ ยกมาตีเมืองราชบุรี
ทางเมาะตมะให้เมียววุ่นเป็นแม่ทัพที่หนึ่ง เมียนวุ่นเป็นแม่ทัพที่สอง
กามะสะแดงเป็นแม่ทัพที่สาม จะกุสะแดงเป็นแม่ทัพที่สี่ ปะดุงคุมพอเป็นทัพหลวง
ให้บุตรชายใหญ่อันเป็นที่อินแซมมหาอุปราชอยู่เฝ้าเมือง
ทางระแหงนั้นให้จอมองนอระทาเป็นแม่ทัพ ทางเชียงใหม่ให้เสดาะมหาศิริอจะนาเป็นแม่ทัพ
ทางเจหุมให้ปะระกามนีเป็นแม่ทัพ กองทัพเจ้าอังวะยกเข้ามาทางพระเจดีย์สามองค์
ก่อนกองทัพทั้งปวงในเดือนสิบสอง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงทราบข่าวศึก
จึงมีพระราชโองการดำรัสสั่งให้สมเด็จพระอนุชา ฯ กรมพระราชวังบวร ฯ
ยกกองทัพไปตั้งรับกองทัพพม่า ณ ตำบลลาดหญ้า เหนือปากแพรกทางสองวัน
ที่เมืองราชบุรีให้เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาบดี เจ้าพระยายมราช
คุมกองทัพไปตั้งรักษาอยู่ ทางฝ่ายเหนือ ให้สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ
กรมพระราชวังหลังไปตั้งรับอยู่ ณ เมืองนครสวรรค์ ข้างปากใต้ ไม่ได้เกณฑ์กองทัพออกไป
ด้วยจะรักษาแดนใกล้พระนครไว้ก่อน กรมพระราชวังบวร ฯ ทรงคิดกลอุบาย
แต่งกองโจรให้ไปตั้งลอบสกัดตัดลำเลียงพม่า
จนกองทัพพม่าขาดเสบียงลงก็ถอยไปจากลาดหญ้า พระเจ้าปะดุงเห็นกองทัพขัดสนเสบียง
ก็ล่าถอยไปเมืองเมาะตมะ กรมพระราชวังบวร ฯ ให้กองทัพหน้ายกลงมาเมืองราชบุรีทางบก
เสด็จล่วงลงมาโดยทางชลมารค ทัพบกยกลงมาพบค่ายพม่าตั้งอยู่นอกเขางู เมืองราชบุรี
ก็เข้าตีค่ายพม่าแตกไปสิ้น แล้วเสด็จกลับเข้ามากรุงเทพ ฯ
ตรัสสั่งให้กรมพระราชวังบวร ฯ ยกกองทัพเรือทะเลออกไปช่วยหัวเมืองปากใต้
ส่วนพระองค์เสด็จยกทัพหนุนขึ้นไปทางฝ่ายเหนือ ครั้งนั้น
หัวเมืองฝ่ายเหนือเสียแก่พม่าสิ้น พระองค์จึงดำรัสสั่งให้รีบขึ้นไป
ทัพพม่าฝ่ายเหนือก็แตกกลับไปสิ้น
ครั้งนั้น เมืองเชียงใหม่ร้างอยู่แต่ครั้งพม่าตีเมื่อแผ่นดินพระเจ้าตาก
กองทัพพม่าจึงมาตีเมืองนครลำปาง พระยากาวิละเจ้าเมืองลำปางเข้มแข็งนัก
ต่อรบอยู่สี่เดือนรักษาเมืองไว้ได้
พอกองทัพไทยยกขึ้นไปช่วยตีกระหนาบพม่าก็แตกไปสิ้น ทางปากใต้พม่าตีได้เมืองชุมพร
เมืองไชยยา เมืองนคร แต่เมืองถลาง เมืองพัทลุง เมืองสงขลา ยังไม่เสีย
พอสมเด็จกรมพระราชวังบวร ฯ เสด็จยกออกไปถึงได้รบกันที่เมืองไชยา พม่าแตกหนีไปสิ้น
แล้วเสด็จลงไปตีเมืองตานีได้ แล้วเสด็จกลับกรุงเทพ ฯ จ.ศ.1148 เดือนสิบสอง
พระเจ้าปะดุงให้อินแซะมหาอุปราช คุมพลมาตั้งค่ายทำยุ้งฉางใส่เสบียงอาหาร ณ
ตำบลสามสบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ ยกทัพออกไปตีพม่าแตกออกไปสิ้น
ในเดือนสี่ จ.ศ.1149 สมเด็จกรมพระราชวังบวร ฯ เสด็จขึ้นไปทรงจัดเมืองเชียงใหม่
ตั้งพระยากาวิละเป็นเจ้าเมืองนครลำปาง
ในเดือนยี่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกไปตีเมืองกลิอ่องได้
แล้วไปตีเมืองทวายไม่ได้ ทัพหลวงเสด็จกลับกรุงเทพ ฯ
จ.ศ.1153 พระเจ้าปะดุง ให้ขุนนางลงมาผลัดเจ้าเมืองทวาย ๆ
ไม่ขึ้นไปเมืองอังวะกลับคิดจะฆ่าขุนนางซึ่งมาผลัดนั้นเสีย
จึงมีหนังสือมาขอกองทัพกรุงไทยให้ออกไปช่วยรักษาเมืองทวายไว้
ตรัสสั่งให้เจ้าพระยารัตนาพิพิธ เจ้าพระยากลาโหม ยกทัพไปก่อน
เจ้าพระยาทั้งสองไปตั้งค่ายโอบเมืองทวายไว้
จ.ศ.1154 เดือนยี่ กองทัพเมืองอังวะยกลงมากระหนาบ
พวกทวายในเมืองมีหนังสือออกมาถึงแม่ทัพพม่าสัญญากันให้ตีเข้ามา
ข้างในเมืองจะตีออกไป กองทัพไทยต้านทานไม่ได้
ก็พาพระยาทวายอพยพครอบครัวเข้ามากรุงเทพ ฯ
จ.ศ.1157 พระเจ้าปะดุงให้อุบากองเป็นแม่ทัพมาตีเมืองเชียงใหม่
สมเด็จกรมพระราชวังบวร ฯ เสด็จยกขึ้นไปช่วยจับอุบากองลงมาได้
จ.ศ.1160 อุบากองกลับหนีออกไปได้
จ.ศ.1164
มีรับสั่งให้เจ้าพระยายมราช ยกทัพขึ้นไปตีเอาเมืองเชียงแสน ตีไม่ได้กลับลงมา
ภายหลังเจ้าเมืองเชียงใหม่ไปตีได้