วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>
โรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์
โรคปากและเท้าเปื่อย หรือ Foot and Mouth Disease
(FMD) เป็นโรคติดต่อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว (highly contagious) ในสัตว์กีบคู่
ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า เกิดจากเชื้อไวรัส อัตราการตายต่ำ
แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจสูงและรุนแรง โรคนี้มีลักษณะเฉพาะคือมีไข้สูง
มีเม็ดตุ่มเกิดขึ้นที่เยื่อเมือกภายในช่องปากและไรกีบ
พบการตายอย่างเฉียบพลันในลูกสัตว์ เนื่องจากหัวใจล้มเหลว
สาเหตุ (Etiology)
เชื้อ FMD เป็น Non-envelop single-stranded RNA Virus อยู่ในจีนัส
Apthovirus ซึ่งอยู่ในตระกูล Picornaviridae Spherical nucleocapsids ขนาด 22-30 nm
สามารถแบ่งออกได้เป็น 7 ซีโรไทป์ ตามลักษณะของ immunological คือ A, O, C, Southern
African Territories (SAT-1, SAT-2, SAT-3) และ Asia-1 ภายใน 7
ซีโรไทป์นี้ยังแบ่งออกได้มากกว่า 60 Subtypes ตามลักษณะทาง serological methods
เช่น A5, A24, O1, C3 เป็นต้น โดยพบว่าซีโรไทป์ A, O และ C พบได้ในยุโรป อเมริกาใต้
แอฟริกา และเอเชีย ซีโรไทป์ Asia-I สามารถตรวจพบในหลาย ๆ ส่วนของเอเชีย
และตะวันออกกลาง โดย 3 ซีโรไทป์ของ SAT แต่ก่อนพบเฉพาะใน Africa จนในปี 2002
สามารถตรวจพบ SAT 1 ในตะวันออกกลาง
สำหรับในประเทศไทยปัจจุบันพบว่ามี 3 ไทป์ คือ A, O และ Asia-1
ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจะเป็นความจำเพาะต่อซีโรไทป์และแม้กระทั่งซับไทป์ที่จำเพาะ
(type and subtype-specific) ดังนั้นแต่ละซีโรไทป์จะไม่มี cross immunity ต่อกัน
สัตว์ที่หายป่วยจากโรคแต่ละซีโรไทป์ จะมีความคุ้มโรคเฉพาะซีโรไทป์นั้น ๆ
ได้นานประมาณ 1-4 ปี
ระบาดวิทยา (Epidemiology)
โรคปากและเท้าเปื่อยได้ถูกรายงานว่าพบในรายประเทศทั่วโลก
ภายหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ใน Africa และหลายประเทศในอเมริกาใต้ เช่น
โคลัมเบีย เปรู เวเนซูเอล่า โบลิเวีย เอกวาดอร์ และในทางตอนเหนือของบราซิล
อาร์เจนตินา ในส่วนทางใต้ของบราซิลและปารากวัย ชิลี ได้ประกาศให้เป็นเขตปลอดโรคนี้
ในยุโรปจะมีการระบาดใน ตุรกี และบางส่วนของกรีซและ ในประเทศแถบยุโรปตะวันออก
มีรายงานการเกิดการระบาดใหญ่ของโรคนี้ครั้งแรกในอังกฤษในปี ค.ศ. 1967 และถัดมาในปี
ค.ศ. 2001 ล่าสุดในปี ค.ศ. 2007 ในปี ค.ศ. 1996
พื้นที่ที่มีการระบาดของโรคจะอยู่ในบริเวณแถบเอเชีย แอฟริกา
และบางส่วนในทวีปอเมริกาใต้ ใน ค.ศ. 1997 จีนและไต้หวันพบการระบาดใหญ่
ทำให้มีการฆ่าสุกรมากกว่า 4 ล้านตัวในระยะเวลา 2 เดือน
โดยสาเหตุของการเกิดโรคคาดว่าจะมาจากผลิตภัณฑ์สัตว์
ที่นำมาโดยเรือหาปลาในประเทศฟิลิปปินส์ ในยุโรปตะวันออกพบมีการระบาดน้อยลงใน 30
ปีที่ผ่านมา
แหล่งของเชื้อ (Source of infection)
สามารถพบเชื้อ FMDV ใน esophageal และ pharyngeal fluids
ในช่องทางเดินหายใจ (respiratory aerosols)
ของสัตว์ที่ติดเชื้อทั้งก่อนและหลังหรือช่วงกำลังแสดงอาการ โดยในโค กระบือ แพะแกะ
จะแพร่เชื้อออกทางลมหายใจ ในช่วงแสดงอาการ FMDV
จะอยู่กระจายทั่วไปในเลือดและอวัยวะต่าง ๆ
การติดต่อทางสัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อมกับสิ่งคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำนม น้ำเชื้อ
หรือสิ่งขับถ่ายต่างๆ เช่น เหงื่อ ปัสสาวะ อุจจาระ
ในสัตว์ที่หายจากการเจ็บป่วย จะตรวจพบเชื้อในลำคอ (softtissue of
throat) ได้นาน 9 เดือน ถึง 2 ปี ในโค ส่วนในแพะแกะ 9 สัปดาห์ จนถึง 9-11 เดือน
แต่ในสุกรจะพบเชื้อ FMDV ในลำคอเพียงช่วงที่แสดงอาการเท่านั้น
ไม่มีรายงานจากการทดลองว่า มีการติดต่อจากสัตว์กลุ่มนี้
เข้าใจว่าระดับเชื้อที่มีอยู่ เพียงพอเพื่อการคงอยู่ของเชื้อเท่านั้น (viral
maintenance)
ไวรัสสามารถอาศัยอยู่ได้ใน เลือดแห้ง (dried blood) ซาก (carcasses)
กองอุจจาระ กองหญ้า กองฟาง ดิน ขึ้นกับอุณหภูมิและความชื้นในอากาศ
เลือดแข็งในซากสุกรที่เก็บไว้ที่ £ 4 องศาเซลเซียส จะมีชีวิตได้ 2 เดือน
ซากโคที่แช่แข็งอย่างรวดเร็ว (Quick-freezing of the fresh meat) อุณหภูมิ £ -20
องศาเซลเซียส ไวรัสจะมีชีวิตอยู่ได้ 6 เดือน ซากที่แช่เย็นที่ 4 องศาเซลเซียส FMDV
จะมีชีวิตอยู่ได้นาน 36 ชั่วโมง เนื่องจาก pH ในกล้ามเนื้อลดลงถึง pH 5.3 FMDV
จะถูก inactivate อย่างรวดเร็ว และใน frozen semen FMDV มีชีวิตอยู่ได้นานอย่างน้อย
1 เดือน
การติดต่อของโรค (Route of Transmission)
โรคปากและเท้าเปื่อยมีช่องทางการติดต่อของโรคได้หลายช่องทาง
โดยมีการติดต่อกันระหว่างฝูง และระหว่างประเทศ
ในระดับตัวการติดต่อส่วนมากจะติดต่อกันทางระบบทางเดินหายใจ (Respiratory aerosols)
โดยการหายใจเอาเชื้อเข้าไป
และจากการสัมผัสกันโดยตรงระหว่างสัตว์ป่วยและสัตว์ปกติหรือแม้กระทั่งจากคน
พบว่าเมื่อคนหายใจเอา FMDV จากสัตว์ที่ติดเชื้อ
ไวรัสสามารถอาศัยอยู่ได้ในลำคอได้นาน 24 ชม. และในระหว่างนั้นสามารถถ่ายทอดเชื้อ
FMDV ไปสู่คนอื่นหรือสัตว์ได้ หรือจากคนรีดนมที่สัมผัสกับวิการบริเวณ Teat or udder
หรือเครื่องรีดนม โดยตัวเชื้อสามารถอยู่ที่บริเวณเนื้อเยื่อเต้านมได้ 3-7 สัปดาห์
จากการกิน สัตว์สามารถติดโรคได้จากการที่อาหารมีการปนเปื้อนของเชื้อ
หรือจากน้ำนมของสัตว์ป่วย จากการผสม ที่มีการปนเปื้อนของเชื้อในน้ำเชื้อ (semen)
โดยพ่อโคอาจได้รับเชื้อก่อนที่จะแสดงอาการและมีโอกาสที่จะแพร่ผ่านทางการผสมเทียม
(AI) ได้จากน้ำเชื้อของพ่อโคตัวที่เป็นโรค โรคติดต่อจากอิมมูน แครีเออร์
สัตว์ที่หายป่วยจากโรคนี้อาจเป็นตัวแพร่เชื้อได้นานถึง 1 ปี
เชื้อไวรัสอาจติดไปกับฝุ่นละออง
และถูกลมพัดไปติดต่อสัตว์ในต่างท้องที่ได้ การระบาดของโรคไปตามลม
อาจเกิดขึ้นได้ในระยะทางไกลถึง 256 กม. (156 ไมล์) มีการรายงานว่า
การแพร่ระบาดโดยลมพัดพาไวรัส จากตอนเหนือของเยอรมันเข้าสู่เดนมาร์ก
เดนมาร์กเข้าสู่สวีเดน และจากฝรั่งเศสเข้าสู่เกาะอังกฤษทางตอนใต้
สัตว์ป่าบางชนิดเป็นตัวสะสมโรคและนำมาสู่สัตว์เลี้ยง เช่น กวาง สุกรป่า
เป็นต้น นกเป็นพาหะสำคัญในการแพร่โรค
โดยเชื้อไวรัสมีชีวิตอยู่ได้ในทางเดินอาหารของนก รวมทั้งเห็บอาจจะเป็นตัวสะสมโรคนี้
สัตว์ที่เป็นโรคนี้ได้ (Host range)
- ได้แก่สัตว์กีบคู่ต่าง ๆ เช่น โค กระบือ สุกร แพะ แกะ กวาง เป็นต้น
- สุนัข แมว กระต่าย หนู ไก่ จะไม่ susceptible ต่อโรคนี้ภายใต้สภาวะธรรมชาติ แต่อาจติดได้จากการทดลอง
- สัตว์ปีก เช่น ไก่ ทำให้ติดโรคได้โดยการทดลองฉีดเชื้อ
- คน ไม่ susceptible ต่อโรคนี้ ดังนั้นโรคนี้จึงไม่น่าวิตกในสัตวแพทยสาธารณสุข
- สัตว์ป่า เช่น Bison, elk, antelope, hedgehog, armadillos, nutria, capybara และช้าง จะเป็นตัวกักเก็บโรคที่สำคัญของโรคนี้ ยกเว้นควายป่าแอฟริกาจะเป็นแหล่งเชื้อธรรมชาติของ SAT และเป็นตัวแพร่โรคไปสู่ โค กระบือ ในแอฟริกาใต้
โคและกระบือจะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดโรคได้ไวและง่ายกว่า (animal at risk) แพะ
แกะ สุกร เนื่องจากใช้ปริมาณไวรัสที่น้อยกว่า และปริมาตรของอากาศที่หายใจเข้าไป
หลังจากสัตว์ที่เริ่มมีการติดเชื้อจากช่องทางใดช่องทางหนึ่งก็ตาม
วิธีแรกที่จะมีการแพร่กระจายของเชื้อ คือการผ่านทางการหายใจ ส่วนทางอื่นๆ
ที่สำคัญก็คือ การสัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อม ในกรณีที่มีการระบาดของโรคขึ้น
บทบาทของโฮสต์ 3 ชนิดแรกจะแตกต่างกันคือ
ในแกะและแพะจะเป็น maintenance host เมื่อมีการติดเชื้อ FMDV
โรคจะไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างทันท่วงที เพราะว่า
อาการและวิการที่แสดงออกจะน้อยมาก จนแทบสังเกตไม่เห็น และในช่วงนี้เอง
สัตว์ป่วยจะเริ่มเป็นตัวแพร่เชื้อไวรัสออกมา
ในสุกรจะเป็น amplifier host กล่าวคือจะเป็นตัวแพร่เชื้อที่รวดเร็วมาก
จำนวนเชื้อที่ผลิตจะมากถึง 30-100 เท่าที่พบในแกะและโค
โดยสุกรที่ติดเชื้อจะสามารถผลิตได้ถึง 1 ล้าน infectious dose ต่อวัน
ในโคจะเป็น indicator host โดยเมื่อมีการได้รับเชื้อ FMDV
อาการและวิการจะแสดงออกมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากกว่าใน สุกร แกะ และแพะ
ถ้าหากว่าโค แกะ สุกร ได้รับการสัมผัสเชื้อพร้อมกัน
โคจะเป็นตัวที่แสดงอาการป่วยก่อน