ศิลปะ หัตถกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม สันทนาการ >>
ศิลปะเครื่องประดับกรีก (Greek)
หลังจากการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องประดับที่เกาะครีตในช่วงของชาวมิโนอัน-ไมซีเนได้มีการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพแล้ว
บนเกาะครีตแห่งนี้จึงได้มีการพัฒนาเข้าสู่อารยธรรมของกรีก
อารยธรรมของกรีกสามารถแบ่งออกเป็น 4 ยุค ได้แก่
- ยุค Geometric Period หรือยุคเรขาคณิต อยู่ในช่วงประมาณ 800-480 ปีก่อนคริสตศักราช
- ยุค Archaic Period หรือยุคอาร์เคอิค อยู่ในช่วงประมาณ 650-480 ปีก่อนคริสตศักราช
- ยุค Classical Period หรือยุคคลาสสิค ในช่วง 480-332 ปีก่อนคริสตศักราช
- ยุค Hellenistic Period หรือยุคเฮเลนนิสติด อยู่ในช่วงประมาณ 332-27 ปีก่อนคริสตศักราช
ทั้งนี้ในช่วงแรกอาณาของกรีกเป็นกลุ่มชาวโดเรีย เมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตศักราช
ซึ่งมาจากทางเหนือได้เข้ามายังอาณาของกรีก
แนวความคิดที่สำคัญของกรีกเน้นที่ความสำคัญของมนุษย์
ความมีเหตุผลระหว่างตนเองกับธรรมชาติ จึงทำให้สังคมของชาวกรีกจึงมีความเรียบง่าย
เน้นการพัฒนาทางจิตใจเป็นสำคัญ แต่ก็ยังมีการนับถือเทพเจ้าด้วยเช่นกัน
และเป็นส่วนสำคัญต่อการสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะ เช่น เทพเจ้าเซอุส
หรือเทพเจ้าจูปิเตอร์ เป็นเทพเจ้าสูงสุดที่สามารถให้บังเกิดทุกสิ่งทุกอย่าง
เทพเจ้าอาเธน่า หรือเทพเจ้ามิเนวา เทพีแห่งปัญญาของมนุษย์ เป็นต้น
พอมาถึงสมัยเรขาคณิต
เป็นช่วงสมัยที่ชากรีกยังคงมีความเคารพทางด้านเทพเจ้าเป็นอย่างมาก
วัสดุที่ใช้ในผลงานศิลปะส่วนใหญ่จึงเป็นทองแดงและดินเผา
ประติมากรรมส่วนใหญ่เป็นรูปของมนุษย์ รูปทรงที่แข็งประด้างแบบเรขาคณิต
และเริ่มมีขนาดเท่าคนจริง เป็นรูปเปลือกมากขึ้น
เพราะเนื่องมาจากการที่ได้เริ่มศึกษาทางด้านกายภาพของมนุษย์
หลังจากนั้นกรีกได้สูญสลายไปหลายร้อยปีจนเข้าสู่สมัยอาร์เคอิก เมื่อประมาณ
650-480 ปีก่อนคริสตศักราช เป็นยุคต้นของอาณาจักรกรีก
มีการผสมผสานระหว่างศิลปะของอียิปต์และเมโสโปเตเมีย
กรีกได้พยายามค้นหาวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนเองให้มากที่สุด จนมาถึงยุคคลาสสิคประมาณ
480-323 ปีก่อนคริสตศักราช ที่เรียกกันว่ายุคทองของกรีก
เนื่องจากเกิดนักปราชญ์หลายแขนง เช่น นักปรัชญา นักวรรณกรรม เป็นต้น
เจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาจาสามารถแผ่อิทธิพลความเจริญเหล่านี้ออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ
ได้ดี โดยเฉพาะช่วงสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช จากแคว้นมาเซโดเนีย
เมื่อประมาณ 356-323 ปีก่อนคริสตศักราช ที่รบชนะดินแดนต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง
พร้อมทั้งขยายความเจริญทางวัฒนธรรมเข้าไปด้วย
การออกแบบเครื่องประดับในสมัยของกรีกนี้ จึงนิยมใช้โลหะมากกว่าอัญมณี
ศิลปะของชาวกรีกได้เน้นถึงความสวยงาม
มีการพัฒนาการออกแบบทางด้านการใช้สัดส่วน มีการจัดวางทั้งแบบสมมาตรและไม่สมมาตร
หากเป็นภาพคนจะมีการหย่อนขาขวาเล็กน้อย มีการสวมชุดแบบทูนิค
สวมสร้อยคอที่จัดจังหวะในการออกแบบ ซึ่งเป็นสร้อยรูปทรงแบบปิด
เข็มกลัดเป็นรูปทรงสามมิติ
เล่นจังหวะระหว่างขนาดเล็กและขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดีสร้างความสมดุลให้เกิดความรู้สึกตรงกันข้าม
รูปทรงต่างๆ
เชื่อมโยงกันและมีความกลมกลืนกันการออกแบบเช่นนี้จัดเป็นศิลปะคลาสสิคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกรีก
และนักออกแบบเครื่องประดับหลายสมัยหลังจากนี้
ยังคงนิยมนำลักษณะของศิลปะกรีกนี้มาเป็นแรงบันดาลในในการออกแบบ
หลังจาก 330 ปีก่อนคริสตศักราชนี้
ได้เรียกกรีกช่วงนี้ว่าเฮเลนนิสติคพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้เข้าครอบครองดินแดนเปอร์เซีย
จึงได้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างศิลปะตะวันออกและตะวันตก
เนื่องจากการพบเครื่องทองหรือเครื่องประดับอันมีค่า 1,310 ตัน เครื่องเงินอีก 7,598
ตัน ทำให้ช่วงนี้เกิดการค้าทองคำเป็นอันมาก
จากการเฟื่องฟูทางด้านการออกแบบเครื่องประดับของยุคคลาสสิค
ในสมัยเฮเลนนิสติคได้มีการออกแบบให้มีความอิสระมากขึ้น เน้นการตกแต่งที่สวยงาม
เห็นความงามของรูปทรงธรรมชาติ
มีการทำมงกุฎที่มีรูปทรงของพืชพรรณเพื่อเป็นรางวัลของผู้ชนะในโอกาสต่างๆ
มงกุฎส่วนใหญ่ทำมาจากทองคำ การ์เน็ต คาร์เนลเลี่ยน และทำการลงยา
รูปทรงเป็นรูปดอกไม้ ใบไม้ล้อมรอบกัน การออกแบบเครื่องประดับของกรีกสมัยเฮเลนนิสติค
นิยมเป็นรูปทรงเปิด ได้รับอิทธิพลทางด้านความเป็นท้องถิ่น
โดยมีหินอัญมณีเจียระไนแบบเบี้ยหลังเต่า ไข่มุก
และการลงยาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการให้สี ให้ดูเหมือนธรรมชาติมากที่สุด
การออกแบบเครื่องประดับของกรีกเช่นนี้เรียกว่า kymation
เทคนิคการผลิตเครื่องประดับของชาวกรีกได้พัฒนามาถึงขั้นการหล่อทองคำด้วยขี้ผึ้ง
กับโคลน และการใช้ไฟในการหลอมละลาย
จัดเป็นเทคนิคที่แสดงถึงความก้าวหน้าทางการผลิตเครื่องประดับเป็นอย่างมาก
เนื่องจากการผลิตเครื่องประดับในปัจจุบันยังคงใช้หลักการหล่อโลหะด้วยหลักการนี้อยู่
การนำทองคำมาผลิตเป็นเครื่องประดับของกรีก นำมาใช้หลังจากไมซีเนอีกทีหนึ่ง
เมื่อ 500 ถึง 400 ปีก่อนคริสตศักราช
พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ได้นำกองทัพเข้าสู่โลกเพื่อค้นหาแหล่งทองคำ
ทองคำจึงได้นำมาใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งการทำเหรียญ เครื่องประดับ และสิ่งของ
วัสดุเริ่มหายาก มีราคาแพง แต่สังคมยังให้ความสนใจ
เพราะเป็นสิ่งที่ตามแฟชั่นการแต่งกาย เป็นการเพิ่มเสน่ห์ของผู้สวมใส่ มีทั้งหินแข็ง
หินคริสตัล มีการค้นพบโรงงานแก้ว พบลูกปัดแก้วมากกว่าหนึ่งหมื่นชิ้นที่ถูกขุดขึ้นมา
ผลิตด้วยเทคนิคการพับ การดึง การกด และการม้วน ได้รวมถึงรูปทรงหัวใจ แตงโม เรขาคณิต
รูปทรงกระบอกและจี้ห้อยคอ นอกจากนี้ยังพบลูกปัดทองคำในแก้ว รูปดวงตา รูปทรงปลาโลมา
จักรวาล ทรงเหลี่ยม การใช้สีสันแบบโมเสส และแก้วที่โปร่งใส
» ลักษณะการนำต้นแบบมาพัฒนาใหม่ หรือมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ
» ประวัติศาสตร์ศิลปะเครื่องประดับตะวันตกยุดก่อนประวัติศาสตร์
» ประวัติศาสตร์ศิลปะเครื่องประดับอารยธรรมโบราณ
» ศิลปะเครื่องประดับอียิปต์ (Egypt)
» ยุค Middle Kingdom หรือยุคอาณาจักรกลาง
» ยุค New Kingdom หรือยุคอาณาจักรใหญ่
» ศิลปะเครื่องประดับเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia)
» ศิลปะเครื่องประดับมิโนอัน - ไมซีเน (Minoan - Mycenae)
» ศิลปะเครื่องประดับกรีก (Greek)
» ศิลปะเครื่องประดับอีทรัสกัน (Etrucan)
» ศิลปะเครื่องประดับเชลติก (Celtic)
» ศิลปะเครื่องประดับโรมัน (Rome)
» ศิลปะเครื่องประดับไบแซนไทน์ (Byzantine)
» ประวัติศาสตร์ศิลปะเครื่องประดับตะวันตกยุคประวัติศาสตร์
» ศิลปะเครื่องประดับช่วงยุคกลาง
» ศิลปะเครื่องประดับโกธิค (Gothic)
» ศิลปะเครื่องประดับสมัยเรอนาซองค์ (Renaissance)
» ศิลปะเครื่องประดับแมนเนอริส (Mannerist)
» นักออกแบบเครื่องประดับ Benvenuto Cellini
» การออกแบบเครื่องประดับเชิงนามธรรม
» ศิลปะเครื่องประดับสมัยอลิซาเบธที่ 1
» ศิลปะเครื่องประดับบาร็อค (Baroque)
» ศิลปะเครื่องประดับนีโอคลาสสิค
» ศิลปะเครื่องประดับคาเมโอ (Cameo)
» ศิลปะเครื่องประดับนโปเลียนกับโจเซฟิน (Napoleon & Josephine)
» ศิลปะเครื่องประดับแบบคัทสติล (Cut Steel)
» ศิลปะเครื่องประดับแบบแชทเทิลเลน (Chatelaines)
» ศิลปะเครื่องประดับสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19
» ศิลปะเครื่องประดับอนุรักษ์นิยม
» นักออกแบบเครื่องประดับ Fortunato Pio Castellani
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อนาย Carlo Giuliano
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Peter Carl Faberge
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Eugene Fontenay
» ศิลปะเครื่องประดับอาร์ตนูโว (Art Nouveau)
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Rene Lalique
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Charles Lewis Tiffany
» ศิลปะเครื่องประดับวิคตอเรีย (Victoria)
» ศิลปะเครื่องประดับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
» นักออกแบบเครื่องประดับ Fulco di Verdura
» ศิลปะเครื่องประดับอาร์ตเดโค (Art Deco)
» นักออกแบบเครื่องประดับเทียมชื่อ McClelland Barclay
» บริษัทที่ออกแบบเครื่องประดับเทียมชื่อ Trifari
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Coro
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Boucher
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Haskell
» บริษัทเครื่องประดับแท้ชื่อ Cartier
» บริษัทเครื่องประดับแท้ชื่อ Van Cleep & Arpels
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Daniel Swarovski
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Eisenberg
» บริษัทเครื่องประดับเทียมชื่อ Hobe
» นักออกแบบเครื่องประดับชื่อ Bulgari
» ศิลปะเครื่องประดับหลังสมัยใหม่
» ศิลปะเครื่องประดับมินิมอล (Minimalism)