วรรณกรรม สุภาษิต ข้อคิด คำคม สำนวน โวหาร งานเขียน >>
พระอภัยมณี (ฉบับร้อยแก้ว)
1
พระอภัยมณี เป็นราชโอรสของท้าวสุทัศน์ ผู้ครองกรุงรัตนา
พระราชมารดาพระนามว่า พระนางประทุมเกสร พระองค์มีพระอนุชาองค์หนึ่ง ชื่อ ศรีสุวรรณ
เมื่อพระอภัยมณีมีพระชนมายุได้ 15 ปี ศรีสุวรรณมีพระชนมายุ 13 ปี
เพื่อให้พระราชโอรสทั้งสองครองบ้านเมืองสืบไป
จึงได้ให้ออกไปแสวงหาความรู้สำหรับกษัตริย์ พี่น้องทั้งสองจึงออกเดินทาง
และไปพบพราหมณ์ที่ตำลบบ้านจันตคาม ศรีสุวรรณเรียนตีกระบอง
ส่วนพระอภัยมณีเรียนเป่าปี่ เมื่อเรียนจบแล้วก็กลับมายังพระนคร
กราบทูลพระราชบิดาทรงทราบ ศรีสุวรรณบอกว่าตนสำเร็จวิชากระบอง
สามารถควงกระบองป้องกันศาสตราวุธที่พุ่งเข้ามาในทุกทิศทุกทางได้
ส่วนพระอภัยมณีบอกว่าตนสำเร็จวิชาเป่าปี่ จะเป่าเรียกคนทำให้คนหลับ
และแม้จะเป่าให้คนตายทั้งกองทัพก็ได้
แต่ท้าวสุทัศน์เห็นว่าวิชาเหล่านั้นไม่มีประโยชน์ ไม่คู่ควรแก่กษัตริย์
ตรัสบริภาษเอาต่อหน้ามุขอำมาตย์ และขับไล่ออกจากเมือง
พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณ จึงออกเดินทางจากเมืองมุ่งสู่ป่าอย่างนักผจญภัย
บังเอิญเมื่อไปถึงริมทะเลแห่งหนึ่ง ก็ได้พบกับพราหมณ์หนุ่มสามคนเข้า คนแรกชื่อ โมรา
มีความรู้ทางเอาฟางมีผูกเป็นสำเภายนต์ได้ คนที่สองชื่อ สานน
มีความรู้ทางเรียกลมเรียกฝนได้ คนที่สามชื่อ วิเชียร สามารถยิงธนูแม่นลั่นได้ทีละ 7
ดอก จึงผูกไมตรีเป็นเพื่อนกันทั้ง 5 คน
พราหมณ์ทั้งสามขอให้พระอภัยมณีเป่าปีวิเศษให้ฟัง เพื่อทดสอบดูว่ามีคุณวิเศษเพียงใด
พระองค์ก็เป่าให้ฟัง ความไพเราะของปี่ทำให้พราหมร์ทั้งสาม และศรีสุวรรณถึงกับหลับไป
ขณะที่พระอภัยมณีเป่าปี่ให้พราหมณ์และศรีสุวรรณฟังอยู่นั้น
เสียงปี่ได้ยินไปถึงนางผีเสื้อยักษ์ตนหนึ่ง ซึ่งออกหากินอยู่ในบริเวณนั้น
จึงย่องเข้ามาฟัง เห็นรูปร่างพระอภัยมณีงดงามนัก ก็เกิดความพอใจ
จึงใช้กำลังโดดจับพระอภัยมณีดำน้ำลงไปสู่ถ้ำใต้มหาสมุทร อันเป็นที่อยู่ของตนทันที
ความตกใจทำให้พระอภัยมณีสลบไปไม่รู้สึกตัว ส่วนผีเสื้อยักษ์นั้น
เพราะเกิดปฎิพัทธ์พระอภัยมณียิ่งนัก อยากได้เป็นสามี
แต่กลัวพระอภัยมณีจะตกใจกลัวที่เห็นตนเป็นยักษ์ จึงได้แปลงร่างเป็นสาวงาม
แล้วเข้าไปโลมเล้าจนพระอภัยมณีตื่นขึ้นมา
พระอภัยมณีรู้ว่าเป็นยักษ์จำแลงมาก็ทรงไม่ยินยอมด้วย หากนางยักษ์ใช้มายายียวนต่างๆ
และเพราะเห็นว่าไม่มีทางหลบหนีได้ จึงได้ยอมเป็นสามีนางผีเสื้อยักษ์
ทำให้นางดีใจยิ่งนัก และเฝ้าทะนุถนอมพระอภัยมณีเป็นอย่างดี
ฝ่ายศรีสุวรรณกับพราหมณ์ทั้งสาม ตื่นขึ้นมาไม่พบพระอภัยมณีก็ตกใจ
พบร่องรอยว่าผีเสื้อยักษ์ลักพาไปแล้วเป็นแน่ จึงได้แต่โศรกเศร้าเสียใจ พราหมณ์สานน
จับยามสามตาดู ก็ทราบว่าพระอภัยยังไม่ตาย แต่อยู่ในความอุปถัมภ์ของหญิงคนหนึ่ง
ทั้งหมดจึงผูกเรือสำเภา แล้วลงล่องค้นหาพระอภัยมณีจนมาถึงเมืองรมจักร
จึงได้เผาสำเภา เพราะไม่ยากให้ใครรู้ว่าพวกตนมาได้อย่างไร
แล้วจึงเข้าเมืองไปสอบถามเรื่องพระอภัยมณี
เมืองรมจักรนั้น เจ้าเมืองชื่อทศวงศ์ มีพระราชธิดาองค์หนึ่ง อายุ 15 ปี สวยงามมาก
ท้าวอุเทนและแขกชวา ได้เคยแต่งทูตมาสู่ขอ
และขู่บังคับว่าถ้าไม่ยกนางเกษราให้จะยกทัพมารบ ท้าวทศวงศ์นั้นไม่พอพระทัยจะยกให้
จึงเตรียมป้องกันเมืองอย่างเต็มที่
ศรีสุวรรณ และพราหมณ์ทั้งสาม เข้าไปเที่ยวในเมือง ได้ไปพบกับ นางกะจง
ซึ่งเป็นคนครัวของนางเกษราเข้า ฝ่ายนางกะจงเห็นศรีสุวรรณก็เกิดรักใคร่
ทำเลียบเคียงและก่อเรื่องฉาวโฉ่ขึ้น โดยอ้างว่าศรีสุวรรณเป็นผัวตน
ทำให้พระพี่เลี้ยงสี่คนของนางเกษรา ชื่อประภาวดี อุบล จงกลนี และศรีสุดา ทราบเรื่อง
ซึ่งก็ตกอยู่ในอารมณ์พิศวาทในพราหมณ์ทั้งสี่ด้วยเช่นกัน
และเห็นว่าพราหมณ์หนุ่มน้อยที่สุดคือ ศรีสุวรรณนั้น คู่ควรกับนางเกษรา
จึงออกอุบายชวนทั้งสี่พราหมณ์ไปฝากตายายไว้ในสวน โดยหาว่ามีความผิดตามกฎมณเฑียรบาล
มารักสาวชาววัง ตากับยายจึงใช้ทั้งสี่ทำสวนเยี่ยงคนใช้
พระพี่เลี้ยงทั้งสี่ ได้นำเรื่องพราหมณ์หนุ่มทั้งสี่ ไปทูลนางเกษรา
แต่นางแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ในคืนนั้นนางเกษรานอนหลับ ฝันว่าพญานาคเข้ามารัดองค์
รุ่งเช้าจึงเล่าให้พี่เลี้ยงฟัง นางทั้งสี่ ทำนายว่าจะมีคู่ครองเป็นแน่แท้แล้ว
บ่ายวันนั้นพี่เลี้ยงทั้งสี่ออกไปในสวน เห็นพราหมณ์ทั้งสี่ถูกใช้ทำงานหนักก็สงสาร
ได้พบปะเจรจากันต่างติดเนื้อต้องใจกันอยู่
และบอกว่าวันหลังชวนนางเกษรามาเที่ยวในสวนด้วย
ตอนกลับนางทั้งสี่ได้ห้ามตายายไม่ให้ใช้พราหมณ์ทั้งสี่ทำงานหนักอีกต่อไป
วันต่อมาพระพี่เลี้ยงเหล่านั้นก็ได้ชักจูงนางเกษรามาพยศรีสุวรรณ
ทำให้คนทั้งสองเกิดรักใคร่กัน จนถึงกับศรีสุวรรณเขียนเพลงยาวไปถึงนางเกษรา
และนางเกษราได้ให้ผ้ากรองทองไป และมีการติดต่อกันเสมอ